
Sportlifeonline มีเคล็ดลับดีๆมาฝาก เลือกรองเท้าวิ่งอย่างไรให้ถูกวิธี พร้อมวิธีจัดการปัญหารองเท้าหลวม
Sportlifeonline มีเคล็ดลับดีๆมาฝาก เลือกรองเท้าวิ่งอย่างไรให้ถูกวิธี พร้อมวิธีจัดการปัญหารองเท้าหลวม
หากคุณรักในการวิ่งสิ่งสำคัญที่สุดคือ คุณต้องใส่ร้องเท้าวิ่งด้วยจึงจะเป็นวิธีการที่ถูกต้อง เพื่อสุขภาพเท้าที่ดีของคุณเอง เลือกรองเท้าวิ่งอย่างไรให้ถูกวิธี การวิ่งโดยใส่รองเท้ากีฬานั้น ขณะวิ่งต้องใช้ส้นเท้าลง แล้วถ่ายแรงไปทางด้านหน้าสู่ฝ่าเท้าและปลายเท้าตามลำดับ สังเกตได้จากเสียงวิ่งจะค่อนข้างเบาซึ่งการวิ่งที่ถูกวิธีจะทำให้เกิดแรงกระแทก 1-1.5 เท่าของน้ำหนักตัว ส่วนการวิ่งลงปลายเท้าจะทำให้เกิดแรงกระแทก2.5เท่าของน้ำหนักตัว และการวิ่งแบบกระทืบเท้าลงไปตรงๆ เต็มเท้า สังเกตได้จากเสียงวิ่งจะดังจะเกิดแรงกระแทกสามเท่าของน้ำหนักตัว นั่นอาจจะทำให้เอ็นพยุงฝ่าเท้า น่อง ข้อเข่ารวมไปถึงเอวบาดเจ็บได้ง่าย หากเป็นไปได้ควรเลือกวิ่งบนพื้นที่ดูดซับแรงกระแทกได้มากหน่อย เช่น พื้นหญ้าบนดินนุ่ม, ลู่วิ่งยางบนลู่เครื่องวิ่งไฟฟ้าดูดซับได้ เป็นต้น
การเลือกรองเท้าวิ่งที่ถูกวิธี
1. การระบายอากาศของรองเท้า เลือกแบบมีรูระบายอากาศจะดีกว่าแบบไม่มีรู เพื่อลดความอับชื้น ลดโอกาสเกิดเชื้อรา
2. ควรมีรองเท้าวิ่ง 2-3 คู่ดีกว่าคู่เดียว จะทำให้มีโอกาสตากรองเท้าในที่ร่มให้แห้งได้นานกว่า และช่วยลดโอกาสเกิดแรงกดซ้ำซากที่เดียว โดยเฉพาะในคนที่เป็นเบาหวานควรมีรองเท้า 2 คู่ขึ้นไป ใช้หมุนเวียนกัน
3. ควรมีแถบสะท้อนแสง เพื่อช่วยป้องกันรถชนในขณะที่เราวิ่งกลางแจ้งในช่วงหัวค่ำหรือเช้ามืด
4. หากจะซื้อรองเท้าออนไลน์ก็ควรเช็คไซส์รองเท้าที่ถูกต้องของเราก่อน เพื่อเช็คกับขนาดของร้านที่มี
5. เท้าคนเราจะบวมขึ้นในช่วงบ่ายถึงเย็น จึงควรลองใส่รองเท้าช่วงบ่ายมากกว่าช่วงเช้า
6. กาวเชื่อมรองเท้าส่วนใหญ่ใช้ได้ดีที่สุด 1 ปีแรก ดังนั้นรองเท้าก็มีวันเสื่อมสภาพเช่นกัน
7. เช็คมาตรฐานเรื่องรองเท้าเซลล์ให้ดีว่าสามารถใช้งานได้ปกติ
8. การออกกำลังหลายรูปแบบ เช่น วิ่ง จักรยาน เดิน ฯลฯ สลับกันช่วยลดเสี่ยงต่อการบาดเจ็บได้มากกว่าการออกกำลังอย่างเดียวทุกวัน แถมยังทำให้ออกกำลังกล้ามเนื้อได้หลายส่วนขึ้น เนื่องจากใช้กล้ามเนื้อต่างมัดกัน ใช้เอ็นต่างเส้นกัน
9. ผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วน แนะนำให้เดินหรือขี่จักรยานสลับกันก่อนสัก 1-2 เดือน พอแข็งแรงขึ้นแล้วค่อยฝึกเดินเร็วและปั่นจักรยานเร็ว เพราะการเตรียมร่างกายให้แข็งแรงแล้วค่อยฝึกวิ่ง จะช่วยลดโอกาสบาดเจ็บ และช่วยให้หัวใจได้ฝึกจากเบาไปหนัก
10. รองเท้าวิ่งที่ดีจะช่วยลดแรงกระแทกได้ดีกว่า เมื่อเทียบกับการวิ่งเท้าเปล่า
การแก้ปัญหารองเท้าวิ่งหลวม
1. แผ่นรองเท้าพื้นรองเท้าจะช่วยให้รองเท้าแน่นขึ้น ตั้งแต่ครึ่งเบอร์หรือหนึ่งเบอร์ ซึ่งเดี๋ยวนี้มีขายหลายขนาดมาก มีให้เลือกหลายไซส์ และสามารถเลือกความหนาของพื้นรองเท้าได้อีกด้วย แต่ไม่ควรใส่พื้นรองเท้าหลายชั้นเพราะมันจะบีบเท้าทำให้เท้าปวด หรือถ้าอยากเพิ่มความสูง นอกจากจะช่วยให้รองเท้ากระชับขึ้นแล้วยังช่วยเพิ่มความสูงได้อีกด้วย
2. ใส่ถุงเท้าและผูกเชือกให้แน่น ใส่ถุงเท้าที่มีความหนากว่าถุงเท้าปกติที่ใส่พร้อมผูกเชือกรองเท้าให้แน่นๆ
3. ใช้หมอนฟองน้ำรองเท้าให้ความหนานุ่มเบา มีให้เลือกทั้งปลายรองเท้าและส้นรองเท้า วิธีนี้จะช่วยให้เท้าเราใส่พอดีกับรองเท้า แถมถ้ารองเท้ากัดวิธีนี้ก็ช่วยได้เหมือนกัน หรือถ้าหาซื้อแบบฟองน้ำไม่ได้ให้ใช้ตัวดันรักษาทรงรองเท้าใส่แทนได้
4. โดยสรุปคืออย่าซื้อรองเท้าหลวมกว่าเบอร์ปกติที่เราใส่ เพราะถึงแม้จะผูกเชือกรองเท้าแน่นเกินหรือมีอุปกรณ์เสริมแล้ว ก็ไม่สบายเท้าเท่ากับใส่รองเท้าที่พอดีกับเราจริงๆ
รองเท้าวิ่งถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักวิ่งทุกคน แม้ในยุคปัจจุบันเราสามารถจะเลือกใส่รองเท้าที่มีมาตรฐานทั้งการการออกแบบรวมถึงกระบวนการผลิตที่ยอดเยี่ยมได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เราควรใส่ใจมากที่สุดนั่นคือการทำความสะอาดคู่โปรดที่ใส่อยู่เป็นประจำ ทั้งนี้ก็เพื่อสุขลักษณะที่ดีในการใช้ครั้งต่อไปและเพื่อยืดอายุการใช้งานของรองเท้าด้วย ฉะนั้นเราจึงควรต้องรู้จักวิธีการที่ถูกต้องในการดูแลรักษารองเท้าวิ่งของเรา ซึ่งทาง sportlifeonline มีวิธีการทำความสะอาดมาฝากทุกท่านดังนี้ครับ
วิธีทำความสะอาดรองเท้าวิ่งเบื้องต้น
1. หากคุณเป็นผู้ที่เล่นกีฬาอยู่เป็นประจำ ควรจะต้องมีรองเท้ามากกว่า 1 คู่ใส่สลับกันบ้าง ยิ่งการเล่นกีฬาที่ใช้เวลานานติดต่อกันหากใส่ซ้ำๆ กันทุกวัน รองเท้าก็จะเสื่อมสภาพง่าย และเก่าเร็วกว่าที่ควร ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการช่วยถนอมอายุการใช้งานรองเท้าให้ยาวนานมากขึ้นนั่นเอง
2. ไม่ควรซักรองเท้าวิ่งบ่อยจนเกินไป เพราะจะทำให้กาวของรองเท้าเสื่อมได้ สำหรับผู้ที่ต้องการจะซักให้ถอดเชือกรองเท้าออกก่อน แล้วเอาน้ำใส่กะละมังใส่ผงซักฟอกเพียงเล็กน้อย จากนั้นนำรองเท้ากีฬาลงไปซัก โดยใช้แปรงที่มีขนนิ่มๆขัดถูเบาๆก็พอแล้ว ยกเว้นแต่ในกรณีที่ไปวิ่งลุยโคลนหรือมีคราบสกปรกฝังแน่นแบบซักไม่ออก ก็ให้ใช้ผ้าขนหนูมาชุบกับน้ำยาแอมโมเนียมาเช็ดที่บริเวณรอยที่เปื้อน หรืออาจต้องแช่ทิ้งไว้ 15-30 นาที แล้วค่อยเอาแปรงขัดคราบดินหรือโคลนออกให้หมดก่อน พอเห็นว่ารองเท้าสะอาดดีแล้ว ก็เอาไปวางไว้ในที่ร่มมีลมผ่าน
3. ในกรณีที่มีพื้นรองเท้า ก่อนซักให้ถอดเอาแผ่นรองเท้าไปซักในผงซักฟอกปกติ ส่วนตัวรองเท้าให้นำไปผึ่งลมควรหลีกเลี่ยงการเอาไปตากแดดที่แรงๆ เพราะอาจจะทำให้กาวที่ติดรองเท้าเสื่อม สำหรับในการแยกซักระหว่างแผ่นรองพื้นด้านรองเท้านี้จะต้องเป็นรุ่นที่สามารถแกะออกได้เท่านั้น อย่าซักรวมกันเพราะจะทำให้สะอาดได้ไม่ทั่วถึงและมีกลิ่นอับ โดยการทำแยกซักนี้จะช่วยให้พื้นด้านในรองเท้าดูไม่เก่าเร็วเกินไปรวมถึงเชือกผูกรองเท้าด้วย
4. หากไม่อยากลงมือซักด้วยตัวเอง ก็เอาไปซักในเครื่องซักผ้าได้เช่นเดียวกัน โดยเอาเชือกที่ผูกรองเท้าออกก่อน จากนั้นทำการซักโดยใส่ถุงผ้าแล้วปิดปากถุงให้แน่นแล้วค่อยเอาลงไปซัก แต่วิธีนี้อาจจะทำความสะอาดได้ไม่ดีเท่ากับการซักด้วยมือ
5. อีกหนึ่งวิธีการทำความสะอาดรองเท้ากีฬาพร้อมทั้งดับกลิ่นเหงื่ออุปกรณ์กีฬาต่างๆนั้น เราสามารถโรยเบกกิ้งโซดาลงเข้าไปข้างในแล้วทิ้งไว้เพื่อดับกลิ่นอับได้ แต่ถ้าต้องการทำความสะอาดคราบต่าง ๆ ก็แค่ผสมเบกกิ้งโซดากับน้ำเปล่าให้เป็นเนื้อสครับ นำมาขัดคราบทำความสะอาดรองเท้าและอุปกรณ์กีฬาต่างๆได้เลย
6. น้ำยาล้างจานในครัวก็สามารถนำมาทำความสะอาดรองเท้าคู่โปรดของคุณได้เช่นกัน โดยใช้ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำประมาณครึ่งแก้วผสมกันพอลื่นแล้วนำแปรงสีฟันเก่าจุ่มแล้วขัดเบาๆไปที่บริเวณตัวรองเท้าให้คราบสกปรกหลุดออก ขั้นตอนสุดท้ายใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดฟองและสิ่งคราบออกจนสะอาด
7. ควรตากรองเท้าไว้ให้แห้งตามธรรมชาติ ห้ามวางใกล้อุปกรณ์ทำความร้อน เพราะรองเท้าอาจจะเสียรูปทรงจากการได้รับความร้อนโดยตรง สำหรับรูปแบบในการตาก ให้เปิดลิ้นรองเท้าออกมาแล้วยัดกระดาษพวกหนังสือพิมพ์เข้าไป เพื่อให้ดูดซับความชื้นด้านในรองเท้า จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 12 ชั่วโมงให้แห้ง ซึ่งก็ถือเป็นระยะเวลาปกติในการตากรองเท้า