
สวม รองเท้าวิ่งคู่ใจ วิ่งไปอย่างแข็งขัน หยาดเหงื่อเพื่อกีฬา ยาวิเศษของชีวิต
สวม รองเท้าวิ่งคู่ใจ วิ่งไปอย่างแข็งขัน หยาดเหงื่อเพื่อกีฬา ยาวิเศษของชีวิต
Sportlifeonline ร่วมเสริมสร้างความคึกคักในการวิ่งของคุณ ด้วย รองเท้าวิ่งคู่ใจ ที่คุณพอใจที่สุด กระแสรักสุขภาพด้วยการวิ่งออกกำลังยังคงมีอย่างต่อเนื่องไม่แผ่วลง ทั้งกิจกรรมเด่นๆในระดับประเทศที่จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์หลักคือ ให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการวิ่ง ทั้งวิ่งช่วยชาติ วิ่งระดมทุน วิ่งเพื่อสังคมต่างๆ ก็ยังคงได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้น คนรุ่นใหม่ใส่ใจกับเรื่องนี้มากยิ่งขึ้นและตื่นตัววอร์มร่างกายให้พร้อมอยู่เสมอ รองเท้าวิ่งคู่กายก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ได้รับความนิยมไม่น้อยไปกว่ากัน เพราะทุกคนรู้ดีว่าเราจะวิ่งไปด้วยกำลังสองเท้าอย่างมั่นคงก็คงต้องมีตัวช่วยดีๆอย่างรองเท้าวิ่งมาซัพพอตเท้าของเรา ยิ่งสมัยนี้รองเท้าวิ่งได้ถูกผลิตขึ้นมาอย่างมากมายและหนึ่งในผู้จัดจำหน่ายรองเท้าที่ทุกคนยังคงให้การตอบรับด้วยดีเสมอมาเช่นกันก็คือ Sportlifeonline.com
ข้อคำนึงสำคัญในการวิ่ง
1.สถานที่ในการวิ่ง ผู้ที่เริ่มวิ่งควรประเมินลักษณะของพื้นผิวว่าจะวิ่งบนพื้นแบบใดบ่อยที่สุด ถ้าหากวิ่งบนพื้นคอนกรีตหรือพื้นยางมะตอย แรงกระแทกย่อมมีมากกว่าการวิ่งบนลู่วิ่งที่ยิม ดังนั้น ควรเลือกรองเท้าที่มีระบบรองรับแรงกระแทกที่ดีเพื่อป้องกันการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นได้
2.สังเกตรูปเท้าตัวเองว่าเป็นแบบใดหากมีอุ้งเท้าแบน คือส่วนเว้าของอุ้งเท้าไม่มากหรือแทบจะแนบไปกับพื้น การวิ่งอาจมีลักษณะวิ่งแล้วเท้าบิดเข้าด้านใน จึงต้องเลือกรองเท้าที่มีเทคโนโลยีซัพพอร์ต พยุงข้างเท้าด้านใน ให้ความมั่นคงในการวิ่ง การวัดลักษณะเท้าตัวเองสามารถทำได้หลายวิธี เช่น ใช้ Footscan ซึ่งตามปกติร้านรองเท้าจะมีอุปกรณ์ชิ้นนี้อยู่แล้ว และการจุ่มเท้าลงไปในน้ำแล้ววางบนกระดาษเพื่อพิมพ์รอยเท้า (Wet Test)
3.เวลาที่เหมาะสมในการเลือกซื้อรองเท้าและขนาดรองเท้า เวลาที่เหมาะสมในการเลือกซื้อรองเท้าคือช่วงบ่ายเนื่องจากเป็นช่วงที่เท้าขยายเต็มที่ หลังจากผ่านกิจกรรมระหว่างวันมาแล้ว และควรให้มีพื้นที่เหลือระหว่างปลายนิ้วเท้าและปลายรองเท้าข้างในประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร เพื่อรองรับการยืดขยายของเท้าในขณะวิ่ง
4.อายุการใช้งานของรองเท้า ปกติแล้ว ในกีฬาวิ่งเราจะใช้จำนวนระยะทางเป็นตัววัด เริ่มง่าย ๆ ที่การสังเกตตัวเองในการวิ่งแต่ละครั้ง เช่น วิ่ง 5 กิโลเมตร 3 วันต่อสัปดาห์ ก็จะเท่ากับว่าใช้ไปแล้ว 15 กิโลเมตรต่อสัปดาห์ หรือเท่ากับ 60 กิโลเมตรต่อเดือน
5.ทดลองสวมรองเท้าวิ่งด้วยตัวเอง เนื่องจากรองเท้าบางรุ่นอาจจะมีความคลาดเคลื่อนในเรื่องขนาด อันมาจากการออกแบบรวมถึงสรีระเท้าของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นก่อนซื้อรองเท้าวิ่งจึงควรทดลองใส่ด้วยตัวเอง มิฉะนั้น นอกจากจะเสียเงินแล้ว อาจได้รองเท้าวิ่งที่ใส่ไม่สบายทำให้ประสิทธิภาพในการออกกำลังกายลดลงอีกด้วย
วิธีการดูแลเท้าให้แข็งแรง
หนึ่งในวิธีดูแลเท้าให้แข็งแรงคือ การออกกําลังกายเท้าและข้อเท้า เพราะเท้าก็มีกล้ามเนื้อไม่ต่างกับแขนหรือขา ยิ่งบริหารอย่างสม่ำเสมอก็ยิ่งเป็นการกระตุ้นให้เกิดการไหลเวียนเลือดมาสู่ปลายเท้าทําให้เท้าแข็งแรงยิ่งขึ้นและนี่คือท่าบริหารกล้ามเนื้อมัดเล็กของฝ่าเท้า
1.กระดกข้อเท้าขึ้น-ลง สลับกันช้าๆ
2.หมุนข้อเท้าไปทางซ้าย-ขวาช้าๆ
3.ใช้นิ้วเท้าจิกผ้าที่วางอยู่บนพื้น เพื่อบริหารกล้ามเนื้อมัดเล็กของเท้า ทําท่าละ 5 นาที เป็นประจําทุกวัน เท้าของเราก็จะมีสุขภาพแข็งแรง
สาระน่ารู้แก้ปัญหาวิ่งแล้วเจ็บ
เพราะขณะที่เราวิ่งนั้น เนื้อเยื่อบริเวณท่อนขาทั้งส่วนของกระดูก เยื่อหุ้มกระดูก เอ็นที่ติดกระดูกและกล้ามเนื้อ อาจจะทนแรงกระแทกของกล้ามเนื้อที่กระชากกระดูกไม่ไหว จึงทำให้ระบม อักเสบในช่วงแรก ต่อมาเนื้อเยื่อก็หดตัว ความยืดหยุ่นแย่ลงกว่าเดิม หากรักษาให้หายยังไม่ดีพอแล้วกลับไปวิ่งอีก เนื้อเยื่อบริเวณนั้นจะยังไม่คืนสภาพ ก็ยิ่งรับน้ำหนักได้น้อยลงเรื่อยๆ กลายเป็นปัญหาเรื้อรังไม่จบสิ้น เพราะฉะนั้นการดูแลบำบัดเบื้องต้นคือ ควรยืดกล้ามเนื้อให้พอตึงๆตั้งแต่ขาจนถึงลําตัววันละหลายๆรอบ เพื่อปรับความยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อให้พร้อมรับการใช้งานหนักอีกครั้ง ที่ต้องยืดกล้ามเนื้อบริเวณลำตัวก็เพราะ ลําตัวมีความเกี่ยวข้องกับการวิ่งอย่างมากมาก เนื่องจากแรงกระแทกจากเท้าจะส่งขึ้นไปถึงกระดูกสันหลัง หากกล้ามเนื้อรอบกระดูกสันหลังมีความสมบูรณ์ทั้งความยืดหยุ่นและแข็งแรง จะช่วยซับแรงกระแทกได้มาก อาการเจ็บขาจึงน้อยลง แต่หากยังมีอาการเจ็บจากการวิ่งอยู่ก็ให้หยุดวิ่งชั่วคราวไม่เกิน 7 วัน ช่วงที่หยุดวิ่งควรไปว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน เพราะเป็นการออกกําลังกายที่มีแรงกระแทกต่ำกว่าและช่วยให้หัวใจยังฟิตอยู่ รวมถึงทํากายภาพบําบัดเพื่อลดอาการปวด
ขั้นตอนการทำความสะอาดรองเท้าวิ่ง
1.ถอดส่วนประกอบออกมาเป็นชิ้นๆ เช่น แผ่นรองด้านในเชือกผูกรองเท้า
2.ซักเชือกผูกรองเท้าด้วยผงซักฟอกตามปกติ
3.ซักแผ่นรองด้านในด้วยเบกกิ้งโซดาหรือน้ำส้มสายชู
4.ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำบิดพอหมาดเช็ดด้านนอกของรองเท้า
5.นําส่วนประกอบทุกชิ้นที่ซักและทำความสะอาดแล้วไปผึ่งแดดให้แห้ง