
เข้าป่าต้องเป็นมิตร กับเพื่อนข้างทาง สัตว์ป่าควรค่าแก่การอนุรักษ์
เข้าป่าต้องเป็นมิตร กับเพื่อนข้างทาง สัตว์ป่าควรค่าแก่การอนุรักษ์
สำหรับการเดินป่า เข้าป่าต้องเป็นมิตร เพราะคนมักจะเผชิญหน้ากับสัตว์ป่าตามแถวริมน้ำ เพราะสัตว์ทุกชนิดต้องอาศัยกินน้ำ ทั้งเสือ กระทิง หมูป่า หมี เพราะฉะนั้นเวลาลงไปตักน้ำหรืออาบน้ำ จึงต้องระวังให้มากตามถ้ำต่างๆก็มักจะเป็นแหล่งอาศัยของเสือและหมี เมื่อเผชิญหน้ากับสัตว์ ต้องหันหน้าหามันอย่าหันหลังหนีเพราะธรรมชาติของสัตว์ คือ ผู้ที่ไม่หนีเป็นผู้ที่มั่นใจว่าตนเองแข็งแรงกว่า
วิธีสังเกตว่าบริเวณนั้นมีสัตว์หรือไม่ คือดูรอยเท้าสัตว์ร่องรอยที่สัตว์ทำไว้ตามต้นไม้ และขี้สัตว์รวมทั้งกลิ่นต่างๆ ถ้ามีเส้นทางเดินสับสนวุ่นวายแสดงว่ามีสัตว์มาก สัตว์ป่ามีถิ่นหากินประจำ ถิ่นใครถิ่นมัน ไม่ข้ามถิ่นกัน ถ้าเจอขี้ตรงไหนแสดงว่ามันหากินอยู่แถวนั้นทุกวัน และมักจะเดินมาที่เดิมตรงเวลาด้วย ยกเว้นช้างที่จะเดินกินไปเรื่อยๆเป็นวงกลมแต่จะวนกลับมาที่เดิมซึ่งแต่ละรอบอาจใช้เวลาหลายเดือนขึ้นไปจนถึง1ปี
ข้อแนะนำเมื่อเจอสัตว์ป่า
• ถ้าเจอกันในระยะห่างพอสมควรให้ค่อยๆเดินถอยหลัง เพื่อเลี่ยงการเผชิญหน้า แต่ระวังอย่าให้หกล้ม
• ถ้าเจอกันในระยะกระชั้นชิด หรือโดนชาร์จเข้าใส่โดยไม่ทันตั้งตัวให้หยุดอยู่กับที่แล้วหาทางหนีทีไล่มองหาที่หลบภัยอย่างรวดเร็วและปลอดภัย
• สำหรับการขู่ใช้หลักธรรมชาติที่ว่า สัตว์ทุกชนิดไม่ว่าจะร้ายสักแค่ไหนก็ตาม มีจุดอ่อนอยู่อย่างหนึ่งคือรักตัวเอง ไม่อยากเจ็บตัวเวลาเดินป่า ถ้ารู้ว่ามีสัตว์อยู่แถวนั้น ให้ส่งเสียงดังๆ สัตว์ได้ยินเสียงจะตกใจแล้วเผ่นหนีไป เสียงในป่าคือการแสดงอาณาเขต โดยเฉพาะ
• เสียงมีดฟันไม้ในป่าดังฉับๆ เป็นเสียงที่ดังไปไกลนั้นน่ากลัวสำหรับสัตว์ เพราะบอกให้รู้ว่านั่นคือคน ถ้าเผชิญหน้ากันในระยะกระชั้นชิดหรือสัตว์ชาร์จเข้าใส่ แล้วเราขู่ให้มันรู้สึกว่าจะต้องเจ็บตัว เช่น ขู่ด้วยเสียง กางแขนออก หรือ ถือไม้ชูขึ้นสูง พวกมันเห็นแล้วมักจะเผ่นหนี
• พวกสเปรย์พริกไทยก็สามารถหยุดสัตว์ที่ชาร์จเข้ามาได้ดีและใช้ได้กับสัตว์หลายชนิด ทั้งหมี เสือ หมาใน แต่จำเป็นต้องมีเวลาเตรียมตัวพอสมควรและสัตว์ที่โดนสเปรย์พริกไทย อาจจะย้อนกลับมาได้
• สเปรย์พริกไทยที่ใช้หยุดสัตว์จะเรียกว่า bear pepper spray ซึ่งฉีดไปได้ไกลกว่าสเปรย์พริกไทยที่ใช้กับคน แต่มีข้อจำกัดตรงที่ถ้ามีลมอาจจะไม่ได้ผลและถ้าโดนจู่โจมกะทันหันจะหยิบสเปรย์มาใช้ไม่ทัน ส่วนการปาสิ่งของอาจจะได้ผลหรือไม่ได้ผล ซึ่งนอกก้อนหินแล้วสามารถใช้ท่อนไม้ตรงๆ ขนาดมือจับ ยาวไม่เกิน 1 ศอก เวลาเหวี่ยงไม้ออกไปแนวขนานกับพื้น ไม้จะควงสว่านไปได้ไกล
• เวลาเห็นสัตว์อยู่ในพุ่มไม้แล้วอยากรู้ว่าตัวอะไร ให้หาอะไรปาใส่แล้วมันจะวิ่งหนี แต่บางครั้งการปาของใส่ก็อาจเป็นการยั่วยุได้
• การทำร้ายกลับ ต้องรู้ว่าจุดอ่อนของสัตว์ป่าทุกชนิด อยู่ที่ ตา หัว คอ จมูก ขา และ หัวใจ สัตว์เล็กๆอย่างเช่น งู แมงป่อง ถ้าเรากดหรือจับหัวมันไว้ได้ มันจะหมอบราบคาบ ถ้ามันโดนทุบหัวจนเละหรือตัดคอ จะตายทันที ถ้าโดนเต่าหรือตะพาบกัดเอามือทุบหัวมันหรือบีบคอมันก็จะปล่อย แม้แต่สัตว์ใหญ่อย่างเสือ หมี หรือหมาป่า ถ้าโดนปาดคอ หรือ โดนขอนไม้ทุบหัวจะตายได้ แม้แต่การล้วงเข้าไปในคอของ สัตว์ใหญ่ ก็สามารถไล่มันไปได้ แต่ถ้าใช้มือล้วงต้องระวังอย่าให้มือโดนฟันหรือเขี้ยว
• สัตว์ใหญ่ทุกชนิดถ้าเราทำให้มันบาดเจ็บ ด้วยปืนหรือด้วยมีดก็ตาม ถ้ามันยังไม่ตาย มันจะไม่หนีแต่จะโกรธ แล้วกระโจนเข้ามาทำร้ายเราทันที เมื่อเจอสัตว์ติดกับดักจึงต้องระวังให้มาก เพราะมันอาจจะคิดว่าเราเป็นคนวางกับดักแล้วทำร้ายเราได้ สัตว์บาดเจ็บจะสู้จนกว่าจะหมดแรง ปืนจึงไม่มีประโยชน์ในการใช้ต่อสู้กับสัตว์ใหญ่มากนัก เพราะ ถ้าเจอกันในระยะกระชั้นชิด ปืนก็แทบจะใช้ไม่ได้แล้ว
• เมื่อเกิดการต่อสู้กันขึ้นระหว่างคนกับสัตว์ จึงต้องหาทางฆ่าสัตว์ตัวนั้นให้เร็วที่สุด มิฉะนั้น มันอาจจะแค้นแล้วกลับมาทำร้ายเราได้
• ธรรมชาติของสัตว์ป่าจะไม่ทำร้ายคน ยกเว้นจะเป็นสัตว์แม่ลุกอ่อนหวงลูก หรือ คนไปขวางทางเดินหรือการหากินของมัน สัตว์ป่าที่ทำร้ายคนโดยไม่มีสาเหตุ เกิดจากเคยโดนคนทำร้ายมาก่อน ทำให้มันจำฝังใจ ถึงแม้จะเป็นคนแปลกหน้าก็ยังตรงเข้าทำร้าย แม้แต่สัตว์ตามบ้านอย่างหมา ก็เป็นเหมือนกันอย่างที่เราเคยเห็นหมาวิ่งไล่กัดรถยนต์ทุกคันที่วิ่งผ่าน เพราะมันเคยโดนรถยนต์เฉี่ยวชนมาก่อน ด้วยเหตุนี้สัตว์ที่อยู่ในป่าใกล้หมู่บ้านจึงมีอันตรายมากกว่า สัตว์ที่พบกลางป่าลึกเพราะสัตว์ที่อยู่ใกล้หมู่บ้าน มีโอกาสโดนชาวบ้านทำร้ายได้ง่าย อย่างไรก็ตาม บางช่วงสัตว์อาจจะไปหากินในป่า บางช่วงมาหากินในหมู่บ้าน เราจึงควรรู้ข้อมูลของสัตว์ในพื้นที่แห่งนั้น โดยถามจากคนพื้นที่จึงจะเป็นการดีที่สุด