
เทคนิคการเลือกรองเท้าวิ่ง
เทคนิคการเลือกรองเท้าวิ่ง
ใส่ใจการเลือกรองเท้าสักนิด ช่วยให้การวิ่งของคุณราบรื่นยิ่งขึ้น
หากพูดถึงกิจกรรมการวิ่งออกกำลังกายแล้ว สิ่งสำคัญที่เราต้องนึกถึงอย่างแรกคือ รองเท้าวิ่ง จากการสำรวจข้อมูลจากทาง Sportlifeonline.com พบว่าหลายๆท่านโดยเฉพาะผู้ที่เริ่มวิ่งมักประสบปัญหาในการเลือกรองเท้าวิ่งให้เหมาะสมกับเท้าของตัวเองทำให้เกิดปัญหาผลข้างเคียงตามมามากมาย หลายๆท่านเลือกซื้อตามความชอบและความพึงพอใจส่วนตัวมากกว่าประโยชน์ใช้สอย แต่พอนำมาใส่วิ่งแล้วไม่ตอบโจทย์มีอาการคับไปบ้างหลวมเกินไปบ้างไม่พอดีกับเท้า นั่นคือปัญหาที่เกิดขึ้น แต่วันนี้เรามีสาระดีๆเกี่ยวกับ เทคนิคการเลือกรองเท้าวิ่ง ที่ถูกต้อง มาฝากคุณลูกค้าที่สนใจทุกท่านครับ
รองเท้าวิ่ง มีความจำเป็นอย่างมากสำหรับนักวิ่งแล้ว การรู้จักเลือกรองเท้าวิ่งดีๆสักคู่ไม่ใช่เพียงจะช่วยให้การวิ่งของคุณสบายเท้าขึ้น แต่ยังช่วยพยุงข้อเท้าและช่วยลดอาการบาดเจ็บที่อาจเกิดจากการวิ่งได้อีกด้วย ดังนั้นผู้ที่วิ่งเป็นประจำหรือกำลังเริ่มจะวิ่ง ควรใส่ใจกับการเลือกซื้อรองเท้าเป็นอันดับแรก สิ่งที่น่าเป็นห่วงในปัจจุบันนักวิ่งบางคนมักใส่รองเท้าผ้าใบธรรมดาหรือรองเท้าสำหรับใส่ออกกำลังทั่วๆไปในการวิ่ง ซึ่งในความเป็นจริงนั้น การใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะกับการวิ่งอาจทำให้เท้าเจ็บหรือทำให้วิ่งได้ไม่เต็มที่ เพราะรองเท้าเหล่านั้นไม่ได้ถูกออกแบบมาให้รองรับแรงกระแทก ยิ่งสวมใส่นานยิ่งเมื่อยเพราะไม่รองรับน้ำหนักตัวนั่นเอง ฉะนั้นสิ่งที่ต้องคำนึงในการเลือกรองเท้าวิ่ง อย่างแรกเลยก็คือ
1. เริ่มจากเช็ครูปเท้าของตนเองก่อนว่าเป็นแบบไหน เพราะแต่ละคนรูปเท้าจะต่างกัน ดังนี้
– ฝ่าเท้าสูง มีการวางเท้าแบบปกติและข้อเท้าตั้งตรง ให้เลือกรองเท้าวิ่งแบบ Neutral ก็จะช่วยให้วิ่งได้สบายยิ่งขึ้น
– ฝ่าเท้าปกติ โดยมีการวางเท้าและข้อเท้าอยู่ในลักษณะเดียวกันกับข้อข้างต้น แนะนำให้เลือกรองเท้าวิ่งแบบ Stability ซึ่งรองรับแรงกระแทกได้ดี
– ฝ่าเท้าสูงบวกกับมีข้อเท้าโก่งออกด้านข้าง ส่งผลให้ลงน้ำหนักไปที่ฝ่าเท้าด้านนอกมากกว่าด้านในอย่างเห็นได้ชัด ควรเลือกรองเท้าวิ่งประเภท Cushioned ที่มาพร้อมตัวซัพพอร์ตเท้าซึ่งช่วยลดแรงกระแทกและทำให้การวางเท้าอยู่ในลักษณะปกติ
– ฝ่าเท้าแบนจะมีลักษณะของข้อเท้าเอียงเข้าด้านใน ทำให้ฝ่าเท้าด้านนอกยกสูงกว่าด้านใน ให้เลือกรองเท้าวิ่งแบบ Motion Controlled เพราะเป็นรองเท้าที่ดีไซน์มาเพื่อคนเท้าแบนโดยเฉพาะ ซึ่งจะช่วยควบคุมการเคลื่อนไหวของเท้าให้ง่ายขึ้น
2. เลือกรองเท้าให้เหมาะกับสภาพพื้นที่เราวิ่ง เพราะรองเท้าสำหรับการวิ่งบนพื้นเรียบและพื้นดินนั้นจะมีการออกแบบพื้นรองเท้าไม่เหมือนกัน เช่น บนพื้นหญ้า พื้นหิน พื้นซีเมนต์
3. คำนึงถึงรูปแบบการวิ่ง ซึ่งแบ่งออกเป็น 6 ลักษณะของการวางเท้า ได้แก่
1. Normal – คือการวางเท้าทั่วไปของคนส่วนใหญ่ที่ทิ้งน้ำหนักลงที่ส้นเท้าและตรงกลางของปลายเท้า จึงเลือกใส่ได้ทั้งรองเท้าวิ่งแบบ Neutral และ Stability
2. Supination – สำหรับการวางเท้าในลักษณะนี้ จะเน้นน้ำหนักไปที่ส้นและปลายเท้าด้านนอก เนื่องจากมีฝ่าเท้าสูง ดังนั้นควรเลือกรองเท้าวิ่งแบบที่มีแผ่นซัพพอร์ตเท้าด้านในหรือที่เรียกว่า Cushioned
3. Mild Overpronation – ส่วนการวางเท้าแบบนี้ น้ำหนักจะลงไปที่ส้นเท้าด้านนอกกับปลายเท้าฝั่งนิ้วโป้งจนถึงตรงกลาง โชคดีที่สามารถใส่รองเท้าวิ่งได้ทั้งแบบ Neutral และ Stability
4. Moderate Overpronation – คนที่มีฝ่าเท้าแบนมักจะมีลักษณะของการวางเท้าแบบเน้นลงน้ำหนักที่ปลายเท้าด้านในและส้นเท้าด้านนอก แนะนำให้เลือกรองเท้าแบบ Motion Controlled
5. Severe Overpronation – เป็นลักษณะการวางเท้าของคนเท้าแบนเช่นเดียวกัน แต่น้ำหนักจะเน้นไปที่ปลายเท้าและส้นเท้าด้านใน หากใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสม ก็อาจได้รับบาดเจ็บได้ ซึ่งรองเท้าที่เหมาะกับคุณก็คือรองเท้าวิ่งแบบ Motion Controlled
4. เลือกรองเท้าให้เหมาะกับระยะทางที่เราวิ่ง เพราะระยะทางที่เราวิ่งนั้นจะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของเท้าและข้อเท้า ดังนั้นรองเท้าวิ่งสำหรับระยะไกลจะถูกออกแบบมาเพื่อให้กระชับกับข้อเท้า เพื่อพยุงและรองรับน้ำหนักที่จะกดทับซ้ำๆติดต่อกัน หรือที่เรียกกันว่า Long-distance track shoes
5. เตรียมถุงเท้าที่ใส่วิ่งจริงๆไปด้วย ถุงเท้าใส่วิ่งนั้นไม่ได้มีแค่แบบเดียว มีทั้งแบบข้อสั้น ข้อยาวแบบวิ่งระยะทางไกลและแบบช่วยลดอาการบาดเจ็บที่อาจเกิดจากการเสียดสี เป็นต้น แล้วควรคำนึงถึงความคับความหลวมที่อาจจะเกิดขึ้นขณะสวมและไม่สวมถุงเท้า ด้วย
6. ลักษณะของเท้าเวลาวิ่ง เพราะในการวิ่งของแต่ละคนนั้นจะมีลักษณะในการย่ำเท้าหรือการเคลื่อนที่ของเท้าขณะวิ่งที่แตกต่างกัน เรียกว่า Pronation สามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทด้วยกัน คือ
– Underpronation เป็นลักษณะการวิ่งที่ทิ้งน้ำหนักไล่จากบริเวณส้นเท้าผ่านสันเท้าด้านนอกไปจนถึงปลายเท้า
– Neutral เป็นลักษณะการวิ่งที่ทิ้งน้ำหนักไล้จากส้นเท้าผ่านฝ่าเท้าไปจนถึงปลายเท้า
– Overpronation เป็นลักษณะการวิ่งที่ทิ้งน้ำหนักไล่จากบริเวณส้นเท้าผ่านสันเท้าด้านในไปจนถึงปลายเท้า
– Severe Overpronation เป็นลักษณะการวิ่งแบบเดียวกับ Overpronation แต่จะมีการลงน้ำหนักเพื่อเร่งความเร็วและผ่อนนำ้หนักเป็นจังหวะสั้นๆ การวิ่งลักษณะนี้จึงเกิดแรงกระแทกมากกว่าแบบ Overpronation
7. รองเท้าวิ่งต้องไม่ใช่รองเท้าแฟชั่น ในความเป็นจริงแล้วรองเท้าวิ่งถูกแบบมาให้มีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกัน ซึ่งจะขึ้นอยู่กับลักษณะการวิ่งของเรา ไม่ใช่ใส่รองเท้าแฟชั่นปกติไปวิ่งนั่นคือสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
8. รองเท้าวิ่งที่ดีควรมีความยืดหยุ่นที่ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ซึ่งคุณสามารถทดสอบได้ง่ายๆ เพียงออกแรงดึงปลายรองเท้าด้านหน้าเข้ามาด้านในเบาๆ หากรองเท้างอตามเท้าเล็กน้อยแสดงว่าเป็นรองเท้าวิ่งที่เหมาะสม แต่ไม่ควรเป็นรองเท้าที่งอมากๆเพราะอาจทำให้เท้าบาดเจ็บได้
และด้วยเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมการผลิตรองเท้าที่พัฒนาขึ้นทุกปี จึงทำให้มีการสร้างสรรค์รองเท้าวิ่งที่ตอบโจทย์นักวิ่งทุกท่าน ที่ทำให้การวิ่งนั้นราบรื่นและซัพพอตเท้าจนถึงเป้าหมายอย่างผู้มีชัย โดยทาง Sportlifeonline เองก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ได้นำรองเท้าวิ่งคุณภาพเยี่ยมมานำเสนอแก่ทุกท่านดังนี้

• รองเท้าวิ่ง THE Tank รุ่น Gp5 น้ำหนักเบา – สีดำ ราคา 1,490 บาท
• รองเท้าวิ่ง THE Tank รุ่น Gp5 น้ำหนักเบา – สีส้ม ราคา 1,490 บาท
• รองเท้าวิ่ง THE Tank รุ่น Gp5 น้ำหนักเบา – สีเขียว ราคา 1,490 บาท
ด้วยการออกแบบให้รองเท้า Flexible แล้วการเลือกสรรวัสดุต่างๆที่นำมาประกอบเป็นรองเท้า จึงมีคุณสมบัติที่ยืดหยุ่นเวลาสวมใส่และเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ยังไม่รวมถึงความคงทนที่ถูกเสริมมาอย่างครบครันให้คุณได้ลุยอย่างหายห่วงในแบบที่คุณเป็น
คุณสมบัติพิเศษ
– พื้นรองเท้า support ดีเยี่ยม รับรองกันกระแทก
– พื้นหนึบมาก มั่นใจได้เรื่องการยึดเกาะไม่ลื่นไหล
– ใส่ได้นานไม่เมื่อเท้า
– ใส่วิ่ง ใส่เที่ยว เดินป่า ปีน เขา ได้ทุกสถานการณ์ตอบโจทย์ทุกกิจกรรม
– ทำจากผ้า Polyester
– สีสวยสด แต่งแถบเงินสะท้อนแสงในยามค่ำคืน
– ด้านหลังข้อเท้าบุฟองน้ำกระชับ นุ่มสบายไม่เสียดสี
– รองเท้านำหนักเบาต่อคู่เพียง 600 กรัม