
ใส่ใจในทุกช่วงการเดินป่า ด้วยการรู้จักสังเกตและระวังตนเอง
ใส่ใจในทุกช่วงการเดินป่า ด้วยการรู้จักสังเกตและระวังตนเอง
ใส่ใจในทุกช่วงการเดินป่า ด้วยการรู้จักสังเกตและระวังตนเอง เวลาเดินป่าอย่าประมาท การเดินดูแต่เส้นทางอย่างเดียวโดยไม่ดูป่ารอบข้างเลยนั้นไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องนักเพราะเส้นทางในป่านั้นมีอันตรายมาก บางทีเราอาจเจอกับสัตว์ป่าหรือสิ่งต่างๆที่ไม่อาจคาดการณ์ได้เพราะฉะนั้นจึงเราควรสังเกตดูซ้ายดูขวาให้ชำนาญจนเป็นไปเองโดยอัตโนมัติสำหรับสิ่งที่ต้องระวังและสังเกตเวลาเดินป่าคือ
• ที่พื้นอาจมีงู หรือต่อหลุม สังเกตว่าดินจะโล่งเป็นขุยะนูนขึ้นเล็กน้อยคล้ายจอมปลวก ไม่มีต้นไม้ขึ้นมีรูเล็กๆที่ตัวต่อบินเข้าออก มีตัวต่อบินอยู่ 2-3 ตัว ตัวต่อจะตัวใหญ่และมีปล้องสีส้ม 1 ปล้องคาดที่หางแสดงว่าข้างใต้นั้นเป็นรังต่อหลุม ถ้าเหยียบลงไปจะโดนรุมต่อยได้
• โคลนดูดหรือทรายดูด พบมากตามชายหาดริมน้ำแม้แต่เดินลุยน้ำหรือบนบกก็เจอได้ ลองใช้ไม้จิ้มดู ถ้าอยู่บนบกสังเกตว่าพื้นจะอ่อนนุ่มแต่มองด้วยตาเปล่าอาจไม่เห็น แต่ถ้าเหยียบลงไปสัก 1-2 วินาทีก็จะจมลงไปแล้วยกขาไม่ขึ้น หลุมส่วนใหญ่จะตื้นแค่ครึ่งตัวคนแต่เคยมีคนถูกดึงจมลงไปทั้งตัวควรหลีกเลี่ยงการเดินบนโคลนและบนทราย ถ้าจำเป็นต้องเดินก็ต้องระวังเวลาเดินควรจับต้นไม้ไว้ก่อนจึงค่อยก้าวต่อไปถ้าไม่มีต้นไม้ ค่อยๆก้าวให้มั่นคงทีละก้าว โดยใช้ขาหน้าแหย่ดูก่อน ถ้าโดนดูดจะยกขาไม่ขึ้น อย่าดิ้น เพราะจะโดนดูดลึกลงไปให้พยายามนอนราบไปหาฝั่งที่พื้นแข็ง เพื่อยกเท้าขึ้นมาแล้วคลานออกมา
• ถัดขึ้นมาจากพื้นอาจมีแร้วดักสัตว์หรือปืนผูก พวกนี้จะมีสัญลักษณ์ให้เราสังเกตได้ อาจเป็นกระสอบผูกไว้ในระดับสายตาหรือเป็นกิ่งไม้ขวางไว้ ซึ่งคนด้วยกันดูรู้ว่าเกิดจากคนทำ แต่สัตว์อาจไม่รู้ถ้ามองขึ้นไปบนต้นไม้แถวนั้นอาจจะเห็นห้างที่คนสร้างไว้ พอเราเห็นสิ่งที่คนสร้างเหล่านี้แล้วควรจะสอดส่ายสายตาดูให้ดี
• กิ่งไม้เหนือหัวขึ้นไปอาจมีงู ซึ่งสามารถเลื้อยไปตามเถาวัลย์ได้เร็วจนตาเรามองไม่ทันและยังมีรังต่อ ถ้าไปกระเทือนโดนรังมันอาจจะโดนไล่ต่อยถ้าหนีไม่ทันอาจโดนต่อยได้
• ถ้าเดินในทุ่งหญ้าพยายามเกาะกลุ่มกันไว้เพราะอาจมีเสือหรือหมาในอยู่บนที่สูงคอยเล็งหาเหยื่อ
สาระน่ารู้เพิ่มเติม
• เทคนิคสำคัญที่สุดของการเดินป่า คือการ รักษาระดับการหายใจให้สม่ำเสมอ ก้าวเท้าแบบสมาธิ ให้ประสานกับการหายใจ รักษาความเร็วในการเดินสม่ำเสมอ ไม่ต้องเร่งเดิน ควรหายใจทั้งทางจมูกและปาก การก้าวเดินเมื่อขึ้นเขา หรือลงเขาให้ก้าวสั้นกว่าปกติ อย่าให้ต้องก้าวขึ้นหรือลงสูงเกินไป หาจุดวางเท้าให้ระยะความสูงของก้าวเท้าต่ำๆ เมื่อลงเขาหรือขึ้นเขาให้วางเท้าแบบเฉียงๆถ้าชันมากให้วางเท้าขวาง 90 องศาเลยจะทำให้โอกาสลื่นล้มน้อยลงเมื่อเดินเลาะริมผาหรือริมเขาให้กางมือแตะผนังไว้ ตัวเราก็จะเอนเข้าหาด้านนั้นโดยธรรมชาติ
• ระหว่างออกทริป ไม่ว่าจะเดินในน้ำเดินขึ้นเขาหรือเดินลงเขาถ้าจะให้ไม่เหนื่อยมาก ลดโอกาสการเป็นตะคริวไม่กลัวทางสูงชัน ไม่กลัวทางลื่น ไม่กลัวทางเละ ไม่ปวดน่องปวดหน้าขามากไม่เจ็บปลายนิ้วเท้าเวลาลงเขาและรองเท้าก็ไม่จำเป็นต้องหารองเท้าที่มีดอกลึกขอแนะนำว่า ให้ใช้ไม้เท้าในการเดินป่าทุกครั้ง ไม้เท้าดีมีประโยชน์สูงสุด ควรมีความยาวเท่าความสูงของตัวเรา + 20 เซนติเมตร หรืออย่างน้อยก็ยาวเท่าความสูงของตัวเราเมื่อใช้ไม้เท้าเป็นแล้วเส้นทางเดินที่ยากก็จะง่ายลงมากหากใช้ไม้เท้าเป็น ถือไม้เท้าเป็นแล้ว เส้นทางที่ว่ายากก็จะง่ายลง มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เหนื่อยน้อยลง เมื่อยน้อยลงเดินได้เร็วขึ้น ไม่ว่าจะเดินในน้ำเดินขึ้นเขาเดินลงเขา หรือแม้แต่พื้นราบ
การเดินป่าในผู้สูงอายุ
สำหรับท่านที่มีอายุมากอยู่ในช่วง 40 – 50 – 60 ปี หากท่านมั่นใจตัวเองว่าแข็งแรงและได้เตรียมมาพอเพียงที่จะสามารถเดินป่าได้แต่ในครั้งแรกนั้นอาจจะลองเลือกทริปในระดับง่ายถึงปานกลางหากเกิดความชำนาญในการเดินป่าบ้างแล้วแล้วค่อยเลือกทริปที่ท่านอยากไปในอีกระดับหนึ่ง ซึ่งประโยชน์ทางตรงอีกอย่างคือการเดินป่าถือ เป็นการออกกำลังกายที่มีระยะเวลายาวที่จะทำให้ร่างกายแข็งแรงอีกด้วย
แนะนำเทคนิคการเดินป่าเพิ่มเติม
การเดินป่าเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้ความอุตสาหะกำลังใจความมุ่งมั่นท่านจะต้องเตรียมพร้อมทางจิตใจและร่างกายที่ต้องพร้อมอยู่เสมอ มีอดทนต่อความยากลำบากและความเหน็ดเหนื่อย ดังนั้นควรออกกำลังกายประจำ เช่น วิ่ง ออกกำลังฟิตเนส หรือการบริหารร่างกาย การฝึกโยคะ เพื่อให้หัวใจ กล้ามเนื้อ ร่างกายทุกส่วนได้คุ้นเคยก่อนที่จะใช้งานในการเดินป่า อีกทั้งต้องเป็นผู้ที่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ในระดับหนึ่งและควรช่วยเหลือบุคคลอื่นได้เป็นผู้มีจิตใจเสียสละ ยินดีร่วมทุกข์ร่วมสุขกับหมู่คณะมีความรักในธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีจิตใจพร้อมเปิดรับประสบการณ์ใหม่เสมอ