เดินป่าอย่าใจลอย ระวังงูเงี้ยวเขี้ยวขอข้างทาง
การเดินป่าทำให้เราได้พบกับสิ่งต่างๆที่อยู่รายรอบตัวเรา นอกจากจะได้ชื่นชมกับธรรมชาติสวยงามข้างทางแล้ว ก็อย่าเดินเพลินจนลืมไปว่า เดินป่าอย่าใจลอย เพราะในส่วนหนึ่งก็มีสัตว์ป่ามากมายที่ไม่ได้พร้อมจะเป็นมิตรกับเราด้วย หนึ่งในนั้นก็คือ งู
เข้าป่าระวังงู
งูจะชอบอยู่ใกล้ๆน้ำเพราะใกล้น้ำจะมีอาหารพวกกบ เขียด แต่บนเขาก็มีโอกาสพบได้เช่นกัน แม้แต่งูเห่าที่มักพบตามพื้นราบก็อาจจะพบตามภูเขาได้ ตามปกติงูจะกัดคนเมื่อไปถูกตัวมัน และจะกัดตรงใกล้ๆจุดที่สัมผัสกับตัวมัน คนส่วนใหญ่จะโดนงูกัดบริเวณนิ้วเท้าและเท้า ดังนั้น ถ้ากลัวเหยียบงู ให้ใส่รองเท้าบูทยางสูงกว่าข้อเท้าถือว่าปลอดภัยพอสมควรแล้ว งูจะกัดยางไม่เข้า ส่วนกางเกงและรองเท้าผ้าใบจะป้องกันงูตัวเล็กๆได้
หลักการปฏิบัติ เพื่อป้องกันงูกัด คือ
• ถ้าเจองูอย่าไปยุ่งกับมันและอย่าหันหลังให้มัน ถ้าเจองูกำลังขู่ กระโดดหนีได้ให้หนี จะหนีไปทางไหนก็ได้ พยายามให้อยู่ห่างๆตัวมันให้มากที่สุด แล้วยืนเฉยๆ มันจะเลื้อยหนีไปเอง • ถ้างูพุ่งเข้ามาหา แสดงว่ามันตั้งใจจะทำร้ายเราแน่นอน ถึงวิ่งหนีมันก็ยังตาม และเราจะไม่มีทางหนีงูทัน ถ้าวิ่งไปก็จะสะดุดท่อนไม้หกล้ม เพราะฉะนั้น อย่าหันหลังวิ่งหนี ถึงแม้ว่างูเลื้อยได้เร็วมาก จนตาเรามองไม่ทัน แต่ตอนมันเตรียมจะฉก เรายังมีโอกาสป้องกันตัวได้ ถ้ามีเสื้อผ้าโยนออกไปให้มันรัด ถ้ามีไม้ยื่นไม้ออกไปมันจะฉกไม้แทน หรือ ถ้าไม่มีอะไรเลย ยื่นพื้นรองเท้าออกไปถีบหัวมัน มันจะฉกพื้นรองเท้าแทน ซึ่งแน่นอนว่า ฉกไม่เข้า ปล่อยให้มันฉกไม่กี่ครั้ง มันจะหนีไป • ก่อนจะโผล่ไปในที่ๆมองไม่เห็นควรทำเสียงไล่งูก่อน โดยใช้ไม้เขี่ย หรือ ใช้มีดฟัน มิฉะนั้น เราอาจโผล่ไปเจองูที่รออยู่ฉก ลำพังแค่เดินเสียงดังๆนั้นยังไม่พอไล่งูได้
การปฏิบัติตัวเมื่อถูกงูกัด
เมื่อถูกงูกัด ขั้นแรกให้สังเกตว่าเป็นงูพิษหรือไม่ งูพิษจะมี 2 เขี้ยว ส่วนงูไม่มีพิษจะมีรอยฟันจำนวนมาก ถึงแม้จะเป็นงูไม่มีพิษ ก็มีเชื้อโรคที่เมื่อโดนกัดอาจติดเชื้อถึงตายได้ ถ้าเป็นงูพิษเมื่อกัดแล้วประมาณครึ่งชั่วโมงหรืออาจนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับจำนวนพิษที่เข้าสู่ร่างกาย จะเริ่มมีอาการอ่อนแรง ถ้าถูกงูพิษกัดให้โทรตามคนที่อยู่ใกล้ๆแถวนั้นมาช่วย แล้วปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยการทำให้พิษไหลเข้าหัวใจช้าลง โดยนั่งลงให้จุดที่ถูกกัดอยู่ต่ำกว่าหัวใจ อาจใช้ผ้ารัดเหนือจุดที่ถูกกัด โดยให้มีช่องว่างพอให้นิ้วสอดเข้าไปได้ แต่อย่ารัดแน่นจนเกินไปจะทำให้ขาดเลือด ที่สำคัญห้ามกรีดแผลและไม่ควรใช้ปากดูดเพราะในปากมีเชื้อโรคอยู่ ถ้ามีsnake bite kit แบบ suction ดูดพิษงูได้จริง ควรหยิบมาใช้ ถึงแม้ว่างานวิจัยจะพบว่าจะดูดได้แต่เลือดก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลยวิธีการจับงูให้พ้นทาง
การจับงูให้ใช้กิ่งไม้กดหัวมันไว้แล้วจึงใช้มือจับตรงคอมันมันจะได้กัดไม่ได้ ถ้าชำนาญในการจับงู ก็ไม่ต้องใช้กิ่งไม้กดใช้มือคว้าได้เลย แต่ถ้าจับหัวอย่างเดียวมันอาจจะใช้หางรัดได้ งูตัวใหญ่อย่างเช่น งูเหลือม งูจงอาง สามารถรัดคนจนหายใจไม่ออกได้ การจะควบคุมตัวมันต้องจับทั้งหัวและหางจึงจะเป็นวิธีการที่ถูกต้องข้อแนะนำเพิ่มเติมสำหรับการเดินป่า
ก่อนออกเดินป่าควรสำรวจความเรียบร้อยของเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์ต่าง ๆให้พร้อม ดื่มน้ำให้อิ่มและเติมกระติกน้ำให้เต็มศึกษาจุดเริ่มต้นและจุดหมายปลายทางให้เข้าใจ โดยมีหลักการเดินต่างๆดังนี้ • เดินอย่างออมกำลัง • ฝึกสายตาให้คุ้นเคยกับสภาพป่า • ระหว่างที่เดินไม่ควรส่งเสียงดังจนเกินไป • พยายามเดินตามทางเท้า • พยายามปกปิดทุกส่วนของร่างกายให้มิดชิด • เดินแถวเรียงเดี่ยว ควรทิ้งระยะห่างกันพอสมควร แต่ต้องให้อยู่ในสายตาตลอด • เดินทางด้วยความเร็วสม่ำเสมอ พักทุก ๆ ชั่วโมง ครั้งละประมาณ 5-10 นาที • ไม่ควรแยกเดินไปคนเดียวไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน ต้องมีเพื่อนไปด้วยทุกครั้ง
บุกป่าฝ่าฟันไปให้ถึงเป้าหมาย ด้วย รองเท้าเดินป่า คู่กาย ที่ sportlifeonline
Categories:
บทความน่ารู้, บทความรีวิว, รวมบทความ
บุกป่าฝ่าฟันไปให้ถึงเป้าหมาย ด้วย รองเท้าเดินป่า คู่กาย ที่ sportlifeonline
เตรียมความพร้อมดีมีชัยไปกว่าครึ่ง กับ รองเท้าเดินป่า ROCK RIVER – สีเทาดำ ราคา 1,590 บาท การเดินป่า เป็นวิธีการท่องเที่ยวแบบหนึ่งที่ทำให้เราได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างเต็มที่ ซึ่งกำลังได้รับความนิยมกันมากในหมู่นักท่องเที่ยวในช่วงวัยต่างๆ ที่มักจะแบกเป้ขนอุปกรณ์จำเป็นเดินทางท่องเที่ยวขึ้นเขาเข้าป่าผจญภัยกันอย่างคึกคัก ซึ่งนอกจากจะได้สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิดแล้วการเดินป่ายังเป็นการออกกำลังกายที่ดีด้วย
Sportlifeonline ให้ความสำคัญกับรองเท้าเดินป่า
รองเท้าเดินป่า มีความก็แตกต่างกับรองเท้าแบบอื่นอยู่มาก เพราะเวลาที่เดินป่าเราจะต้องเดินอยู่ในอุปสรรคมากมาย เช่น พื้นที่ลาดชัน , ก้อนหิน, รากไม้, ลำธาร ต่างๆ ดังนั้นส่วนบนของรองเท้าเดินป่าจึงจะต้องปกป้องเท้าเราให้อยู่รอดได้ตลอดเส้นทาง ซึ่งด้านบนของรองเท้าเดินป่าจะมีการเสริมกันกระแทกทั้งด้านนิ้วเท้า ด้านข้างและที่ส้นเท้า นอกจากนี้ยังจะต้องมีส่วนที่ปกป้องข้อเท้าแต่ให้ข้อเท้าสามารถขยับเคลื่อนไหวได้ด้วย อีกทั้งยังกระชับแต่ไม่แน่นจนเกินไปและมีจุดหมุนให้ข้อเท้าสามารถขยับตัวได้ ส่วนนี้จะมาจากการออกแบบตั้งแต่ทรงของรองเท้ารวมถึงการออกแบบระบบสายรัดให้กระจายแรงจากเชือกไปให้ทั่วรองเท้า

ประเภทของรองเท้าเดินป่า
1. Mountaineering Boots รองเท้าประเภทนี้เหมาะสำหรับนักเดินป่าที่ชอบปีนยอดเขาสูง ยอดเขาที่มีหิมะปกคลุมหรือบริเวณที่อากาศหนาวจัด 2. Backpacking or Regular รองเท้าประเภทนี้เหมาะสำหรับการเดินป่าในสภาพพื้นผิวที่ค่อนข้างจะทรหด ลำบากหรือทุลักทุเลเอามากๆ และเหมาะสำหรับการเดินแบกของที่ค่อนข้างหนักมากๆ ในเส้นทางที่ใช้เวลาในการเดินหลายๆ วัน 3. รองเท้า Off Trail สามารถใช้ได้กับการเดินป่าในแทบจะทุกพื้นผิว ทุกสภาพอากาศ และทุกภูมิประเทศ แต่เนื่องจากรองเท้าประเภทนี้มีพื้นรองเท้าที่ค่อนข้างแข็งและหนามากกว่า รองเท้าประเภทอื่น และหนักพอสมควร ทำให้ไม่ค่อยเหมาะนักหากจะนำไปใช้เดินป่าในทางเดินง่ายๆ เช่นเส้นทางศึกษาธรรมชาติ แต่จะเหมาะสำหรับการเดินเข้าป่าในเส้นทางที่ไม่ได้มีการทำทางเอาไว้ให้ หรือในการเดินป่าที่จะต้องมีการแกะรอยหรือหาทางเดินเอง 4. On Trail รองเท้า ประเภทนี้จะมีคุณสมบัติที่ดีกว่ารองเท้า Trail Runner หรือจะเรียกว่าพัฒนาขึ้นมาอีกขั้นจาก Trail Runner ก็ได้ ซึ่งจะใช้สำหรับการเดินป่าที่ต้องมีการผจญภัยมากขึ้นกว่าการเดินตามเส้นทาง ศึกษาธรรมชาติอย่างง่าย
รูปแบบทรงรองเท้า
1. รองเท้าหุ้มส้น (low cut) รองเท้าทรงนี้จะมีส่วนสูงของรองเท้าด้านบนต่ำกว่าบริเวณข้อเท้า มีน้ำหนักเบาใส่สะดวก แต่ว่ารองเท้าชนิดนี้จะมีโอกาสทำให้เกิดการบิดของข้อเท้าได้ง่ายกว่าในกรณี ที่เราเดินสะดุดหกล้มรองเท้าแบบนี้เหมาะกับคนที่เดินท่องเที่ยวทั่วๆไปในเมือง หรือแบกเป้ day pack เดินป่าเส้นทางง่าย ระยะสั้นๆ 2. รองเท้าหุ้มข้อ (Mid cut) รองเท้าทรงนี้ถูกออกแบบให้มีความสูงอยู่บริเวณข้อเท้า ซึ่งจะเหมาะกับการใช้งานสำหรับการเดินป่าในเส้นทางแบบง่าย และยังช่วยปกป้องการบาดเจ็บของข้อเท้า เหมาะกับการเดินป่าที่แบกน้ำหนักกลางๆเดินหลายวัน 3. รองเท้าหุ้มข้อสูง (High cut) รองเท้าชนิดนี้จะถูกออกแบบให้เหมาะการเดินป่าที่หนักและโหด ส่วนที่หุ้มข้อเท้าจะมีความสูงซึ่งจะช่วยป้องกันการบาดเจ็บของข้อเท้าได้ดี เหมาะกับ คนที่แบกเป้น้ำหนักมากกว่า 20 กิโลกรัม เดินระยะทางไกลเป็นประจำ ข้อเสียของรองเท้าชนิดนี้จะมีน้ำหนักมาก และแห้งช้าพื้นรองเท้า
โดยรองเท้าที่มีดอกลึกและแข็ง จะใช้ได้ดีในพื้นที่ที่มีดินอ่อนนุ่มเฉอะแฉะ แต่จะใช้ไม่ได้กับพื้นที่แข็งหรือบนก้อนหิน ส่วนรองเท้าที่มีดอกตื้นเรียบและอ่อน ใช้ได้ดีในพื้นที่ที่แข็งบนก้อนหิน แต่จะใช้ไม่ได้ในพื้นที่ดินนุ่มหรือโคลน
การเลือกรองเท้าเดินป่า
ในการเลือกซื้อรองเท้าเดินป่า คือพยายามเลือกแบบที่ปลายรองเท้าค่อนข้างกว้าง เพราะว่า ปลายเท้าจะได้ไม่โดนบีบมาก ทำให้เท้าไม่ถูกบีบและกระแทกมากเมื่อเวลาเดินลงเขา และควรใส่ถุงเท้าเวลาเดินป่าเพราะว่า ถ้าเราใส่ถุงเท้าชั้นเดียว มีโอกาสทำให้เท้ามีโอกาสเสียดสีกับพื้นรองเท้าเกิดอาการพองน้ำได้ การใส่ถุงเท้าสองชั้นก็เพื่อป้องกันการเสียดสีของฝ่าเท้ากับพื้นรองเท้า ควรเลือกถุงเท้าที่เป็นผ้าฝ้าย เลือกแบบที่เขียนว่า Cotton 70% Nylon 25% Spandix 5% หรือว่าให้เปอร์เซนต์ Cotton มากกว่า 70% ก็ได้ ช่วยให้ใส่สบายเท้ากว่าถุงเท้าที่ทำจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์ เมื่อลองสวมรองเท้าแล้ว เอานิ้วชี้กับนิ้วกลางสอดลงไปตรงส้นเท้าดู ลองว่าสามารถสอดลงไปได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ให้เลือกเบอร์ใหญ่ขึ้น แต่ถ้าสอดง่ายจนหลวมลองลดขนาดลงครึ่งเบอร์ จะได้รองเท้าในขนาดที่เราใส่เดินป่าในขนาดที่ไม่คับจนเราเท้าบวม เพราะเผื่อพื้นที่ไว้ใส่ถุงเท้าเดินป่าด้วยคิดจะช้อป เลือก sportlifeonline แหล่งรวมรองเท้าวิ่งถูกใจคุณ ราคาสบายกระเป๋า คลิกเลยรับรองว่าถูกจริง
Categories:
บทความน่ารู้, บทความรีวิว, รวมบทความ
คิดจะช้อป เลือก sportlifeonline แหล่งรวมรองเท้าวิ่งถูกใจคุณ ราคาสบายกระเป๋า คลิกเลยรับรองว่าถูกจริง
รองเท้าวิ่งที่ดีไม่จำเป็นต้องแพงมาก
เพราะการออกกำลังกายด้วยการวิ่งเป็นสิ่งสำคัญ อย่าลังเลที่จะเริ่มต้นสำหรับการดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ ซึ่งหากคุณกำลังมองหารองเท้าวิ่งหลังจากเลิกงานเย็นนี้ ที่ราคาถูกไม่แพงมากจ่ายง่ายสบายกระเป๋าอีกทั้งคุณภาพเยี่ยมเหมาะกับการวิ่งของคุณ เราขอแนะนำให้คลิกไปที่ www.sportlifeonline.com แหล่งรวมรองเท้าวิ่งถูกใจคุณ ที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่ง และสิ่งที่เราอยากจะขอแนะนำท่านก่อนที่จะซื้อรองเท้าวิ่งสักคู่คือให้ดูที่พื้นรองเท้าวิ่งก่อนตัดสินใจ คือต้องใช้วัสดุที่ทำให้แรงกระแทกกระจายได้ทั่วถึงกัน ต้องมีการกระจายแรงหลังจากลงด้วยส้นแล้วถ่ายไปที่ฝ่าเท้าปลายเท้าต้องดี และควรจะเป็นพื้นแข็งเท่ากันตลอดทั้งรองเท้า นั่นคือคุณสมบัติของรองเท้าวิ่งที่ดี
ตัวอย่างของรองเท้าวิ่ง ที่จัดจำหน่ายใน sportlifeonline




ลักษณะเพิ่มเติมของรองเท้าวิ่งที่ดี
1. ใส่แล้วมีความพอดีกับเท้า เป็นสิ่งสำคัญสิ่งแรกที่สุดที่ต้องเลือกสวมรองเท้าที่พอดี ไม่แคบ ไม่บีบรัดส่วนใดของเท้า รองเท้าที่ผิดๆ มักจะยาวและแคบทำให้บีบรัดส่วนกว้างที่สุดของฝ่าเท้าและเกิดการบาดเจ็บจากการวิ่งได้ 2. เชือกรัดรองเท้าควรอยู่ตรงกลางและปล่อยส่วนปลายเท้าให้ว่างเว้นไว้ จะดีกว่าใช้เชือกรัดรองเท้ายาวจากปลายมาตลอด ถึงแม้จะปรับความพอดีของรองเท้าได้ แต่เมื่อวิ่งนานๆ หรือระยะไกลการเสียดสีหรือถูไถของเชือกบริเวณปลายเท้าส่วนที่เขย่งเมื่อวิ่งจะทำให้เกิดผิวหนังพุพองได้ 3. ไม่ควรมีส่วนหุ้มส้นเท้าที่ยกสูงขึ้นมา ขณะวิ่งเมื่อเขย่งเท้าโดยข้อเท้ากระดกลงจะทำให้ส่วนที่ยื่นบนหลังส้นเท้านั้นกดที่เอ็นร้อยหวายพอดี หากวิ่งนานๆ จะทำให้เกิดการอักเสบของตัวเอ็นหรือปลอกหุ้มเอ็นของเอ็นร้อยหวายได้ เมื่อมีปัญหาเช่นนี้ให้ตัดออก หรือตลบลงด้านหลัง หรือตัดแยกยออกก็ได้ 4. พื้นส้นเท้าสำหรับนักวิ่งต้องกลม เพราะส้นเท้าเรากลมถ้าไม่ฟิตพอดีทำให้ไม่มีความมั่นคงของส้นเท้าจะเกิดการบาดเจ็บตามมาและเจ็บหลังส้นเท้า พื้นรองเท้าควรแข็งและแน่นเพื่อความมั่นคงของส้นเท้าเช่นกัน 5. พื้นชั้นในที่รองรับฝ่าเท้าควรนิ่มและยืดหยุ่นและมีส่วนนูนรับอุ้งเท้าเพื่อให้ฟิตพอดี พื้นด้านนอกแข็งแต่บริเวณกึ่งกลางควรยืดหยุ่นและหักงอได้ และมีที่ยึดเกาะพื้นได้ดีไม่ราบเรียบจนลื่น 6. พื้นรองเท้าบริเวณส้นเท้าอาจเฉียงขึ้น เพื่อความรวดเร็วในการเคลื่อนไหวก้าวเท้าขณะวิ่ง 7. รองเท้าวิ่งควรมีส้นสูงเล็กน้อยประมาณ 2 เซนติเมตรทั้งนี้เพื่อแบ่งเบาการทำงานของเอ็นร้อยหวายและกล้ามเนื้อต้นขา 8. วัสดุที่ห่อหุ้มรองเท้าไม่ควรแข็ง เพราะจะเกิดการเสียดสี ทำให้ร้อนและผิวหนังพองได้ ไม่ว่าจะเป็นหนัง ผ้าใบ หรือไนล่อน ควรยืดหยุ่น นิ่ม และระบายความร้อนได้ดี 9. น้ำหนักรองเท้า ถ้าหนักก็มีความมั่นคงดี แต่วิ่งได้ช้า ดังนั้น การเลือกใส่ นอกจากความพอใจในน้ำหนักความพอดีแล้ว ถ้าแข่งขันใช้น้ำหนักเบา ก็จะทำให้วิ่งได้เร็วขึ้น เมื่อใส่วิ่งแล้วควรตรวจดูและซ่อมแซม การชำรุดสึกหรอเพื่อไม่ให้ผิดรูปไป ทำให้เสี่ยงต่อการบาดเจ็บได้ง่าย
ข้อห่วงใยเรื่องการใส่รองเท้าวิ่ง
รองเท้าวิ่งและรองเท้าที่ใส่ในกีฬาทุกประเภท มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป แต่ไม่ว่ารองเท้าจะมีคุณภาพดีแค่ไหน ก็ต้องสวมถุงเท้าด้วย เพราะนอกจากจะช่วยลดการเสียดสีระหว่างเท้ากับรองเท้าแล้ว ยังช่วยดูดซับและระบายความชื้น แถมช่วยในการรับและส่งผ่านแรงกระแทก ที่สำคัญ ยังช่วยควบคุมอาการบวมที่อาจเกิดขึ้นจากการเล่นกีฬา ส่วนอุปกรณ์อีกหนึ่งชิ้นที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน คือ แผ่นเสริมรองฝ่าเท้าชั้นใน มีประโยชน์สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเท้า หรือใส่รองเท้าไม่พอดี หากมีปัญหาเพียงเล็กน้อยก็สามารถหาซื้อแผ่นเสริมรองฝ่าเท้าชั้นในมาใส่ได้ แต่หากเท้ามีปัญหามากกว่าปกติควรไปพบแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู เพื่อตรวจประเมินปัญหานั้นๆ
BE BRAVE & GO WILD ก้าวผ่านทุกสมรภูมิ กล้าหาญอย่างผู้มีชัย ด้วย รองเท้าคอมแบท THE TANK
Categories:
บทความน่ารู้, บทความรีวิว, รวมบทความ
BE BRAVE & GO WILD ก้าวผ่านทุกสมรภูมิ กล้าหาญอย่างผู้มีชัย ด้วยรองเท้าคอมแบท THE TANK
ภารกิจของคุณจะมีสถานการณ์เช่นอย่างไร เสริมสร้างทุกความมั่นใจด้วย รองเท้าคอมแบท THE TANK คุณภาพเยี่ยมจาก sportlifeonline ไม่ว่าจะบุกป่าฝ่าดงลุยน้ำผจญภัยในภูมิประเทศแบบไหนก็ไม่หวั่นหากคุณเลือกรองเท้าคอมแบทที่เหมาะและตอบโจทย์ ทั้งงานลาดตระเวนป่ากว้างหรือกิจกรรมท้าทายผาดโผน เช่น บีบีกัน หรือ กลุ่มงานที่ต้องออกพื้นที่ต่างๆ เรียกได้ว่าคอมแบทคู่เดียวเอาอยู่ ใส่ง่าย ซับพอตเท้า แล้วคุณจะรู้ว่าเป็นรองเท้ารุ่นนี้ไม่ธรรมดาเลยกับ

คุณสมบัติพิเศษ
- มาพร้อมสโลแกน “ BE BRAVE & GO WILD ” - พื้นหนึบ ดอกยางหนา ถึกทนสไตล์ The Tank - ผ้า Codura กันน้ำ - พื้นแน่น กันลื่นได้ดีเยี่ยม ยึดเกาะได้ดี - ตัดเย็บอย่างดี ใส่ใจรายละเอียด - สีดำ แต่งขอบผูกเชือกด้วยหนังด้านเป็นความเงาและทนทาน - สีทรายและมัลติแคม แต่งขอบด้วยหนังกลับเป็นความสวยงามเรียบหรูและทนทาน - ของแท้ต้องมีโลโก้รถถัง The Tank - กล่องดำ แถมถุงผ้าใส่รองเท้าพร้อมลุย
มี SIZE ต่างๆดังนี้
- เบอร์ EUR 39 เทียบ US 6.5 ( 24.5 ซม.) - เบอร์ EUR 40 เทียบ US 7 ( 25 ซม.) - เบอร์ EUR 41 เทียบ US 8 ( 26 ซม.) - เบอร์ EUR 42 เทียบ US 8.5 ( 26.5 ซม.) - เบอร์ EUR 43 เทียบ US 9.5 ( 27.5 ซม.) - เบอร์ EUR 44 เทียบ US 10 ( 28 ซม.) - เบอร์ EUR 45 เทียบ US 11 ( 29 ซม.)
คุณสมบัติของรองเท้าเดินป่า
1. พื้นร้องเท้า ควรเป็นยางดอกใหญ่เพื่อการยึดเกาะที่ดีในสภาพพื้นที่ลื่นเช่นหิมะ ตะไคร่น้ำ ดอกยางพื้นของรองเท้าเดินป่าจะต้องออกแบบให้ผู้เดินสามารถส่งแรงผลักเพื่อเดินไปข้างหน้าได้โดยไม่ลื่นถอยกลับหรือลื่นแฉลบออกด้านซ้ายขวา ถ้าจะให้ดีก็คือดอกยางจะต้องออกแบบให้สามารถทำความสะอาดตัวเองได้ง่าย ช่วยให้คราบสกปรกที่ติดรองเท้าหลุดออกง่ายด้วย ซึ่งร่องด้านหน้าของส้นรองเท้า ก็คือเบรคที่จะช่วยให้เรายั้งตัวได้ในทางที่อาจจะเป็นทางดินโคลนหรือหิมะหนา 2. เนื้อยางพื้นของรองเท้าเดินป่าจะมีลักษณะเหนียวและทนทานเพื่อช่วยที่จะยึดเกาะกับพื้นผิวที่ลื่นบวกกับความทนทานของพื้นยาง สามารถใช้ได้ทุกพื้นที่บนเส้นทางการเดินทางยาวนาน 3. รองเท้าเดินป่าออกแบบมาให้รับน้ำหนักผู้สวมใส่และน้ำหนักของที่ต้องแบกไปด้วย จึงต้องเน้นความแข็งแรงและการรับน้ำหนักได้มากเพราะฝ่าเท้าจะรับแรงกดและบิดทุกก้าว ดังนั้น ส่วนหุ้มตรงส้นเท้าของรองเท้าเดินป่านั้นจะแข็งมากขึ้นอยู่กับชนิดของรองเท้า รองเท้าเดินป่าคุณภาพดี อาจจะใช้วัสดุหลายชนิดที่มีคุณสมบัติพิเศษมาประกอบกัน เพื่อให้แข็งแรงลดการกดแต่ก็คงไว้ซึ่งส่วนที่หนานุ่มรับน้ำหนักและแรงกระแทกได้ 4. ส่วนบนของรองเท้ามีไว้เพื่อปกป้องเท้าผู้สวมใส่ ด้านบนจะมีการเสริมที่กันกระแทกทั้งด้านนิ้วเท้า ด้านข้างและที่ส้นเท้า นอกจากนี้ยังจะต้องมีส่วนที่ปกป้องข้อเท้าแต่ยังคงให้ข้อเท้าสามารถขยับเคลื่อนไหวได้ด้วย 5. คุณสมบัติของส่วนหุ้มเท้าด้านบนทั้งหมดนอกเหนือจากการปกป้องเท้าแล้วก็คือการระบายอากาศที่จะช่วยลดความชื้นและความร้อนในรองเท้าระหว่างที่เดินได้ 6. นอกจากนี้ยังมีส่วนของโครงสร้างรวมถึงวิธีการผลิตที่จะทำให้รองเท้าเดินป่าใช้งานหนักได้อย่างทนทาน นั่นคือ การเย็บด้วยการดึงวัสดุของส่วนหุ้มเท้าด้านบนทั้งหมดลงมาคลุมพื้นด้านในของรองเท้าแล้วเย็บติดด้วยจักร ซึ่งจะทำให้ได้รองเท้าที่แข็งแรงอยู่ทรงแม้จะใช้งานหนักและวัสดุด้านนอกไม่หลุดร่อนออกจากตัวรองเท้าอีกด้วย

THE TANK เข้าใจวิถีนักเดินป่า
รองเท้าคอมแบทในปัจจุบันได้มีการพัฒนารองเท้าให้ใส่สบายมากขึ้นและเหมาะกับสภาพภูมิประเทศของแต่ละประเทศ และพัฒนาก้าวไกลไปอย่างไม่หยุดนิ่งเพื่อตอบสนองกลุ่มผู้ใช้งานที่หลากหลาย สำหรับแนวโน้มการใส่รองเท้าคอมแบทในประเทศไทยนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มทหาร เจ้าหน้าที่รักษาป่าและกลุ่มของนักผจญภัยต่างๆที่นิยมใส่เพื่อความปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่ เรียกได้ว่าเป็นรองเท้าที่สุดยอดจริงๆครับ แล้วเรายังมีข้อมูลดีๆสำหรับรองเท้าเดินป่าที่น่าสนใจให้คุณได้ศึกษาประกอบการซื้อเพิ่มเติมอีกด้วย เกี่ยวกับการเลือกซื้อและดูแลรักษารองเท้าเดินป่ามาฝากทุกท่านครับการดูแลรักษารองเท้า
1. ทำความสะอาดรองเท้าทุกครั้งหลังจากการสวมใส่ และพ่นสเปรย์รักษารองเท้าตามชนิดของวัสดุที่ใช้ทำรองเท้า 2. จัดเก็บรองเท้าในตู้เก็บหรือกล่องพลาสติกใสเพื่อกันฝุ่นและควรอยู่ในอุณหภูมิห้อง โดยวางรองเท้าไว้ให้ไกลจากเครื่องทำความอุ่น อาจยัดกระดาษเข้าไปในรองเท้าเพื่อให้กระดาษช่วยดูดซับความชื้นได้บ้าง แนะนำว่าเก็บรองเท้าของตัวเองไว้ในกล่องพลาสติกหรือกระดาษที่เจาะรูไว้เพื่อระบายอากาศ เพื่อป้องกันไม่ให้รองเท้าอับมาก และไม่ควรจัดเก็บรองเท้าไว้ที่หลังรถเพราะความร้อนอาจทำให้รองเท้าเสียหาย พื้นรองเท้าละลาย ยางละลายได้ 3. ใช้ที่ใส่รองเท้าช่วยในการสวมเข้าไปทุกครั้งเพื่อช่วยไม่ให้บริเวณส้นเท้าเสียรูปทรง 4. ห้ามเหยียบบริเวณส้นเท้าเวลาถอดรองเท้า เพื่อช่วยลดการเสียรูปทรง 5. ห้ามดึงบริเวณที่เป็นส่วนประกอบต่างๆที่เป็นรอยต่อรองเท้า แผ่นยาง หรือสิ่งประดับอย่างอื่น ในขณะทำการสวมใส่รองเท้า 6. หากรองเท้ามีกลิ่นเหม็นอับ ให้นำถุงเล็กๆ คล้ายถุงชา บรรจุถ่านไม้สีดำ บดละเอียดใส่เข้าไปในรองเท้า เพื่อให้ดูดกลิ่นอับในรองเท้า
มั่นใจยิ่งกว่า เมื่อซื้อ รองเท้าคอมแบท คุณภาพเยี่ยม ที่ Sportlifeonline ของดีจริง ต้องซื้อ!!!
Categories:
บทความน่ารู้, บทความรีวิว, รวมบทความ
มั่นใจยิ่งกว่า เมื่อซื้อ รองเท้าคอมแบท คุณภาพเยี่ยม ที่ Sportlifeonline ของดีจริง ต้องซื้อ!!!
พิสูจน์ความสตรองของรองเท้าคอมแบทด้วยตัวคุณเอง
เป็นที่ยอมรับแล้วว่า รองเท้าคอมแบท คือรองเท้าอีกประเภทหนึ่งที่สามารถใส่ได้ในหลายๆโอกาส ทั้งทำให้ผู้สวมใส่นั้นดูเท่ห์และทรงเกียรติในเครื่องแบบประดับยศ หรือในสมรภูมิชีวิตการเป็นนักผจญภัยในสาขาอาชีพที่ต้องลุยในพื้นที่แจ้งต่างๆก็เอาอยู่ ด้วยรองเท้าที่มีคุณสมบัติที่หนา แข็งแรงทนทานคงทน รูปทรงสวยสง่า จึงเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ทหารหาญหรือเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนพิทักษ์ป่าด้วยคุณสมบัติเด่นๆหลายประการที่เอื้อต่อการปฏิบัติหน้าที่ในเขตพื้นที่ที่มีภูมิประเทศต่างๆ รองเท้าคอมแบทจึงไม่ตกรุ่นและยังคงอัพเดทมาให้ผู้ใช้งานได้เลือกรุ่นที่เหมาะสมกับตัวเอง ซึ่งในส่วนของ Sportlifeonline นั้นมีรองเท้าคอมแบทที่ท่านกำลังมองหาอยู่ทั้งสองรุ่นคือ

คุณสมบัติพิเศษที่คนชื่นชอบรองเท้าคอมแบท

สาระน่ารู้เกี่ยวกับรองเท้าคอมแบท

คุณสมบัติของรองเท้าคอมแบทแท้ us

ความสำคัญของพื้นรองเท้าคอมแบท
พื้นรองเท้าคอมแบทที่ดีจะมีร่องด้านหน้าของส้นรองเท้า ร่องนี้คือเบรคที่จะช่วยให้เรายั้งตัวได้ในทางลงที่อาจจะเป็นทางดินหรือเละเป็นโคลนเลน และเพื่อปกป้องเท้าจากการเดินบนทางขรุขระ มีลายดอกยางที่ใหญ่ที่สามารถยึดเกาะและเดินไปบทเส้นทางในพื้นผิวต่างๆได้ดี
Sportlifeonline มีเคล็ดลับดีๆมาฝาก เลือกรองเท้าวิ่งอย่างไรให้ถูกวิธี พร้อมวิธีจัดการปัญหารองเท้าหลวม
Categories:
บทความน่ารู้, บทความรีวิว, รวมบทความ
Sportlifeonline มีเคล็ดลับดีๆมาฝาก เลือกรองเท้าวิ่งอย่างไรให้ถูกวิธี พร้อมวิธีจัดการปัญหารองเท้าหลวม
หากคุณรักในการวิ่งสิ่งสำคัญที่สุดคือ คุณต้องใส่ร้องเท้าวิ่งด้วยจึงจะเป็นวิธีการที่ถูกต้อง เพื่อสุขภาพเท้าที่ดีของคุณเอง เลือกรองเท้าวิ่งอย่างไรให้ถูกวิธี การวิ่งโดยใส่รองเท้ากีฬานั้น ขณะวิ่งต้องใช้ส้นเท้าลง แล้วถ่ายแรงไปทางด้านหน้าสู่ฝ่าเท้าและปลายเท้าตามลำดับ สังเกตได้จากเสียงวิ่งจะค่อนข้างเบาซึ่งการวิ่งที่ถูกวิธีจะทำให้เกิดแรงกระแทก 1-1.5 เท่าของน้ำหนักตัว ส่วนการวิ่งลงปลายเท้าจะทำให้เกิดแรงกระแทก2.5เท่าของน้ำหนักตัว และการวิ่งแบบกระทืบเท้าลงไปตรงๆ เต็มเท้า สังเกตได้จากเสียงวิ่งจะดังจะเกิดแรงกระแทกสามเท่าของน้ำหนักตัว นั่นอาจจะทำให้เอ็นพยุงฝ่าเท้า น่อง ข้อเข่ารวมไปถึงเอวบาดเจ็บได้ง่าย หากเป็นไปได้ควรเลือกวิ่งบนพื้นที่ดูดซับแรงกระแทกได้มากหน่อย เช่น พื้นหญ้าบนดินนุ่ม, ลู่วิ่งยางบนลู่เครื่องวิ่งไฟฟ้าดูดซับได้ เป็นต้น
การเลือกรองเท้าวิ่งที่ถูกวิธี
1. การระบายอากาศของรองเท้า เลือกแบบมีรูระบายอากาศจะดีกว่าแบบไม่มีรู เพื่อลดความอับชื้น ลดโอกาสเกิดเชื้อรา 2. ควรมีรองเท้าวิ่ง 2-3 คู่ดีกว่าคู่เดียว จะทำให้มีโอกาสตากรองเท้าในที่ร่มให้แห้งได้นานกว่า และช่วยลดโอกาสเกิดแรงกดซ้ำซากที่เดียว โดยเฉพาะในคนที่เป็นเบาหวานควรมีรองเท้า 2 คู่ขึ้นไป ใช้หมุนเวียนกัน 3. ควรมีแถบสะท้อนแสง เพื่อช่วยป้องกันรถชนในขณะที่เราวิ่งกลางแจ้งในช่วงหัวค่ำหรือเช้ามืด 4. หากจะซื้อรองเท้าออนไลน์ก็ควรเช็คไซส์รองเท้าที่ถูกต้องของเราก่อน เพื่อเช็คกับขนาดของร้านที่มี 5. เท้าคนเราจะบวมขึ้นในช่วงบ่ายถึงเย็น จึงควรลองใส่รองเท้าช่วงบ่ายมากกว่าช่วงเช้า 6. กาวเชื่อมรองเท้าส่วนใหญ่ใช้ได้ดีที่สุด 1 ปีแรก ดังนั้นรองเท้าก็มีวันเสื่อมสภาพเช่นกัน 7. เช็คมาตรฐานเรื่องรองเท้าเซลล์ให้ดีว่าสามารถใช้งานได้ปกติ 8. การออกกำลังหลายรูปแบบ เช่น วิ่ง จักรยาน เดิน ฯลฯ สลับกันช่วยลดเสี่ยงต่อการบาดเจ็บได้มากกว่าการออกกำลังอย่างเดียวทุกวัน แถมยังทำให้ออกกำลังกล้ามเนื้อได้หลายส่วนขึ้น เนื่องจากใช้กล้ามเนื้อต่างมัดกัน ใช้เอ็นต่างเส้นกัน 9. ผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วน แนะนำให้เดินหรือขี่จักรยานสลับกันก่อนสัก 1-2 เดือน พอแข็งแรงขึ้นแล้วค่อยฝึกเดินเร็วและปั่นจักรยานเร็ว เพราะการเตรียมร่างกายให้แข็งแรงแล้วค่อยฝึกวิ่ง จะช่วยลดโอกาสบาดเจ็บ และช่วยให้หัวใจได้ฝึกจากเบาไปหนัก 10. รองเท้าวิ่งที่ดีจะช่วยลดแรงกระแทกได้ดีกว่า เมื่อเทียบกับการวิ่งเท้าเปล่า
การแก้ปัญหารองเท้าวิ่งหลวม
1. แผ่นรองเท้าพื้นรองเท้าจะช่วยให้รองเท้าแน่นขึ้น ตั้งแต่ครึ่งเบอร์หรือหนึ่งเบอร์ ซึ่งเดี๋ยวนี้มีขายหลายขนาดมาก มีให้เลือกหลายไซส์ และสามารถเลือกความหนาของพื้นรองเท้าได้อีกด้วย แต่ไม่ควรใส่พื้นรองเท้าหลายชั้นเพราะมันจะบีบเท้าทำให้เท้าปวด หรือถ้าอยากเพิ่มความสูง นอกจากจะช่วยให้รองเท้ากระชับขึ้นแล้วยังช่วยเพิ่มความสูงได้อีกด้วย 2. ใส่ถุงเท้าและผูกเชือกให้แน่น ใส่ถุงเท้าที่มีความหนากว่าถุงเท้าปกติที่ใส่พร้อมผูกเชือกรองเท้าให้แน่นๆ 3. ใช้หมอนฟองน้ำรองเท้าให้ความหนานุ่มเบา มีให้เลือกทั้งปลายรองเท้าและส้นรองเท้า วิธีนี้จะช่วยให้เท้าเราใส่พอดีกับรองเท้า แถมถ้ารองเท้ากัดวิธีนี้ก็ช่วยได้เหมือนกัน หรือถ้าหาซื้อแบบฟองน้ำไม่ได้ให้ใช้ตัวดันรักษาทรงรองเท้าใส่แทนได้ 4. โดยสรุปคืออย่าซื้อรองเท้าหลวมกว่าเบอร์ปกติที่เราใส่ เพราะถึงแม้จะผูกเชือกรองเท้าแน่นเกินหรือมีอุปกรณ์เสริมแล้ว ก็ไม่สบายเท้าเท่ากับใส่รองเท้าที่พอดีกับเราจริงๆ รองเท้าวิ่งถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักวิ่งทุกคน แม้ในยุคปัจจุบันเราสามารถจะเลือกใส่รองเท้าที่มีมาตรฐานทั้งการการออกแบบรวมถึงกระบวนการผลิตที่ยอดเยี่ยมได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เราควรใส่ใจมากที่สุดนั่นคือการทำความสะอาดคู่โปรดที่ใส่อยู่เป็นประจำ ทั้งนี้ก็เพื่อสุขลักษณะที่ดีในการใช้ครั้งต่อไปและเพื่อยืดอายุการใช้งานของรองเท้าด้วย ฉะนั้นเราจึงควรต้องรู้จักวิธีการที่ถูกต้องในการดูแลรักษารองเท้าวิ่งของเรา ซึ่งทาง sportlifeonline มีวิธีการทำความสะอาดมาฝากทุกท่านดังนี้ครับ
วิธีทำความสะอาดรองเท้าวิ่งเบื้องต้น
1. หากคุณเป็นผู้ที่เล่นกีฬาอยู่เป็นประจำ ควรจะต้องมีรองเท้ามากกว่า 1 คู่ใส่สลับกันบ้าง ยิ่งการเล่นกีฬาที่ใช้เวลานานติดต่อกันหากใส่ซ้ำๆ กันทุกวัน รองเท้าก็จะเสื่อมสภาพง่าย และเก่าเร็วกว่าที่ควร ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการช่วยถนอมอายุการใช้งานรองเท้าให้ยาวนานมากขึ้นนั่นเอง 2. ไม่ควรซักรองเท้าวิ่งบ่อยจนเกินไป เพราะจะทำให้กาวของรองเท้าเสื่อมได้ สำหรับผู้ที่ต้องการจะซักให้ถอดเชือกรองเท้าออกก่อน แล้วเอาน้ำใส่กะละมังใส่ผงซักฟอกเพียงเล็กน้อย จากนั้นนำรองเท้ากีฬาลงไปซัก โดยใช้แปรงที่มีขนนิ่มๆขัดถูเบาๆก็พอแล้ว ยกเว้นแต่ในกรณีที่ไปวิ่งลุยโคลนหรือมีคราบสกปรกฝังแน่นแบบซักไม่ออก ก็ให้ใช้ผ้าขนหนูมาชุบกับน้ำยาแอมโมเนียมาเช็ดที่บริเวณรอยที่เปื้อน หรืออาจต้องแช่ทิ้งไว้ 15-30 นาที แล้วค่อยเอาแปรงขัดคราบดินหรือโคลนออกให้หมดก่อน พอเห็นว่ารองเท้าสะอาดดีแล้ว ก็เอาไปวางไว้ในที่ร่มมีลมผ่าน 3. ในกรณีที่มีพื้นรองเท้า ก่อนซักให้ถอดเอาแผ่นรองเท้าไปซักในผงซักฟอกปกติ ส่วนตัวรองเท้าให้นำไปผึ่งลมควรหลีกเลี่ยงการเอาไปตากแดดที่แรงๆ เพราะอาจจะทำให้กาวที่ติดรองเท้าเสื่อม สำหรับในการแยกซักระหว่างแผ่นรองพื้นด้านรองเท้านี้จะต้องเป็นรุ่นที่สามารถแกะออกได้เท่านั้น อย่าซักรวมกันเพราะจะทำให้สะอาดได้ไม่ทั่วถึงและมีกลิ่นอับ โดยการทำแยกซักนี้จะช่วยให้พื้นด้านในรองเท้าดูไม่เก่าเร็วเกินไปรวมถึงเชือกผูกรองเท้าด้วย 4. หากไม่อยากลงมือซักด้วยตัวเอง ก็เอาไปซักในเครื่องซักผ้าได้เช่นเดียวกัน โดยเอาเชือกที่ผูกรองเท้าออกก่อน จากนั้นทำการซักโดยใส่ถุงผ้าแล้วปิดปากถุงให้แน่นแล้วค่อยเอาลงไปซัก แต่วิธีนี้อาจจะทำความสะอาดได้ไม่ดีเท่ากับการซักด้วยมือ 5. อีกหนึ่งวิธีการทำความสะอาดรองเท้ากีฬาพร้อมทั้งดับกลิ่นเหงื่ออุปกรณ์กีฬาต่างๆนั้น เราสามารถโรยเบกกิ้งโซดาลงเข้าไปข้างในแล้วทิ้งไว้เพื่อดับกลิ่นอับได้ แต่ถ้าต้องการทำความสะอาดคราบต่าง ๆ ก็แค่ผสมเบกกิ้งโซดากับน้ำเปล่าให้เป็นเนื้อสครับ นำมาขัดคราบทำความสะอาดรองเท้าและอุปกรณ์กีฬาต่างๆได้เลย 6. น้ำยาล้างจานในครัวก็สามารถนำมาทำความสะอาดรองเท้าคู่โปรดของคุณได้เช่นกัน โดยใช้ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำประมาณครึ่งแก้วผสมกันพอลื่นแล้วนำแปรงสีฟันเก่าจุ่มแล้วขัดเบาๆไปที่บริเวณตัวรองเท้าให้คราบสกปรกหลุดออก ขั้นตอนสุดท้ายใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดฟองและสิ่งคราบออกจนสะอาด 7. ควรตากรองเท้าไว้ให้แห้งตามธรรมชาติ ห้ามวางใกล้อุปกรณ์ทำความร้อน เพราะรองเท้าอาจจะเสียรูปทรงจากการได้รับความร้อนโดยตรง สำหรับรูปแบบในการตาก ให้เปิดลิ้นรองเท้าออกมาแล้วยัดกระดาษพวกหนังสือพิมพ์เข้าไป เพื่อให้ดูดซับความชื้นด้านในรองเท้า จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 12 ชั่วโมงให้แห้ง ซึ่งก็ถือเป็นระยะเวลาปกติในการตากรองเท้า
1 ปีที่แสนคุ้มค่า คือระยะเวลาที่เหมาะสม กับ การใช้งานรองเท้าวิ่ง คู่ใจคุณ
Categories:
บทความน่ารู้, บทความรีวิว, รวมบทความ
1 ปีที่แสนคุ้มค่า คือระยะเวลาที่เหมาะสม กับ การใช้งานรองเท้าวิ่ง คู่ใจคุณ
มาใส่ใจกับเรื่องรองเท้าวิ่งของเรากันเถอะ
ตอนนี้คุณใช้งานรองเท้าวิ่งของคุณมากี่ปีแล้ว เป็นเวลานานเท่าไหร่แล้วที่คุณยังคงใช้รองเท้าคู่เดิมอยู่ทุกเช้าเย็นในการวิ่งออกกำลังกาย บางคนอาจจะมีหลายคู่หรือซื้อไว้นานแล้วไม่ค่อยได้ใช้ แต่ก็ถึงเวลาแล้วที่เราจะหันมาใส่ใจสุขภาพเท้าของเรากับเรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างระยะการใช้งาน เพราะรองเท้ามีผลกับสุขภาพเท้าของเราโดยตรงหากเราชะล่าใจก็อาจยิ่งส่งผลเสียต่อเท้าในวันข้างหน้าได้ และหากคำตอบที่ได้คือ การใช้งานรองเท้าวิ่ง ของคุณใช้มานานแล้วนั่นก็เป็นสิ่งที่จะยืนยันว่า ถึงเวลาที่คุณจะต้องเปลี่ยนรองเท้าคู่ใหม่แล้ว เพราะรองเท้าที่ใส่ไปนานๆนั้นย่อมต้องสึกหรอไปตามกาลเวลา คุณสามารถสังเกตได้จากลักษณะของรองเท้าที่เปลี่ยนไป เช่น พื้นรองเท้า ส้นรองเท้า หรือหนังหุ้มรองเท้า หากมีร่องรอยฉีกขาดก็ควรเปลี่ยนรองเท้าคู่ใหม่ดีกว่า เพียงแค่คลิก sportlifeonline.com คุณก็สามารถเลือกซื้อรองเท้าคู่ใหม่ของคุณได้ทันที
ระยะเวลาที่เหมาะสม คือ 1 ปี
รองเท้าวิ่งที่ดีควรมีอายุการใช้งานไม่เกิน 1 ปี เพราะยิ่งใช้ไปนานๆก็จะยิ่งสึกหรอลงได้ หรือแม้แต่รองเท้าที่วางไว้บนชั้นเฉยๆ โดยไม่มีการใช้งานก็สามารถเสื่อมสภาพลงได้เช่นกัน ดังนั้นจึงควรเลือกซื้อรองเท้าที่ผลิตใหม่อัพเดทอยู่เสมอไม่เกิน 1 ปี ซึ่งในทางเชิงความรู้นั้น การเดินปกติจะมีแรงกระแทกลงมาที่ส้นเท้าประมาณ 100% ของน้ำหนักตัว แต่การวิ่งจะมีแรงกระแทกลงมาที่ส้นเท้ามากถึง 200-300% ของน้ำหนักตัว ทำให้ส้นเท้าได้รับแรงกระแทกแล้วสะท้อนกลับขึ้นไปยังข้อเท้า ขา จนถึงกระดูกเอว อาจทำให้เกิดอาการปวดตามอวัยวะต่างๆได้ แม้รองเท้าทั่วไปจะมีแผ่นรับแรงกระแทก แต่ไม่มากพอที่จะรองรับการวิ่ง ดังนั้น หากเราเล่นกีฬาอย่างจริงจังก็ควรที่จะซื้อรองเท้ากีฬา ซึ่งมีแผ่นรับแรงกระแทกที่หนาและเหมาะสมกับกิจกรรมการออกกำลังกายของเรา เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ นอกจากนี้ยังต้องเลือกซื้อรองเท้าให้เหมาะสมกับกีฬาที่เล่นและรูปร่างของเท้าด้วย เพื่อป้องกันการบาดเจ็บโดยรูปร่างของเท้ามี 3 แบบ คือ
1. โก่งลอย คือส่วนกลางของฝ่าเท้าจะได้รับแรงกระแทกมาก ต้องเลือกรองเท้าที่มีพื้นหนานุ่ม 2. อุ้งเท้าโก่ง ควรเลือกรองเท้าที่มีส้นฐานกว้าง เพื่อเสริมความมั่นคงให้กับเท้า 3. อุ้งเท้าแบน เท้าจะมีลักษณะเอียงเข้าด้านใน และส่วนกลางของเท้ากว้าง ควรเลือกรองเท้าที่โครงสร้างของส่วนหุ้มข้อเท้าแข็งแรง ลดการเอียงล้มเข้าด้านในและไม่เลือกรองเท้าที่มีส่วนกลางคอด นอกจากนี้ควรเลือกซื้อรองเท้าเวลาใกล้เคียงกับที่เล่นกีฬาเพื่อให้รองเท้ามีความพอดีกับเท้าสาระน่ารู้เรื่องรองเท้ากีฬา
รองเท้ากีฬามี 3 ประเภท คือ 1. รองเท้ากีฬาสำหรับวิ่ง แบ่งเป็นรองเท้าจ๊อกกิ้ง ซึ่งการวิ่งจะลงส้นแล้วส่งน้ำหนักไปที่หน้าเท้า รองเท้าจ็อกกิ้งจึงมีการเสริมส้นหนาและบานออกเพื่อรับแรงกระแทก ป้องกันการล้ม อีกแบบคือการรองเท้าสปรินเตอร์ สำหรับนักวิ่งแข่งหรือการวิ่งบนลู่ รองเท้าแบบนี้จะมีตุ่มแหลมเพื่อช่วยจิกตะกรุยพื้นให้วิ่งถีบไปข้างหน้าได้ 2. รองเท้ากีฬาประเภทเล่นในคอร์ด อย่างเทนนิสที่มีการยืนบนหน้าตลอด ตัวเสริมก็จะต้องอยู่ที่หน้าเท้า บาสเกตบอลที่มีการกระโดดมาก รองเท้าก็จะมีลักษณะหุ้มข้อขึ้นมาเพื่อช่วยเตือนผู้เล่นให้ทราบว่าข้อเท้าอยู่ในท่าตรงหรือไม่ ป้องกันเท้าพลิก 3. รองเท้าประเภทสนาม จะเป็นตุ่มหนามเพื่อช่วยจิกสนามไม่ให้ลื่นไถล เช่น รองเท้าฟุตบอล แต่ตัวรองรับแรงกระแทกที่พื้นจะไม่เยอะ เพราะเล่นบนหญ้า บนพื้นดินที่มีความนุ่มช่วยรับแรงกระแทก เป็นต้น
ข้อห้ามในการเลือกซื้อรองเท้า
1. เลือกเพราะความสวย ควรให้ความสวยเป็นองค์ประกอบเพิ่มเติมจากความเหมาะสม เมื่อใส่แล้วรู้สึกเหมาะกับเท้าเรา จากนั้นค่อยดูเรื่องความสวยงามก็ได้ 2. เลือกรองเท้าที่เล็กเกินไป หลายๆคนมักเลือกรองเท้าที่คับเกินไป บางคนเผื่อว่ารองเท้าจะยืดทีหลัง บางคนเลือกรองเท้าตามกีฬาประเภทอื่นที่ตนเคยเล่น สุดท้ายรองเท้าคับเกินจนเจ็บเท้า หลักการง่ายๆคือ “ให้นิ้วเท้าเราเล่นเปียโนได้” หมายความว่ามีที่พอที่นิ้วเท้าเราสามารถขยับไปมาได้ประมาณครึ่งนิ้วจากปลายรองเท้า 3. ซื้อรองเท้าผิดเวลา ในช่วงเวลาหนึ่งวันเท้าเรามีขนาดไม่เท่ากัน ปกติแล้วในตอนเช้าเท้าเราจะเล็กกว่าตอนเย็น โดยเฉพาะตอนวิ่งเท้าเราก็จะขยายขึ้นไปอีก ดังนั้นถ้าเป็นไปได้พยายามซื้อรองเท้าตอนเย็น 4. คาดเดาขนาด Size รองเท้าตัวเองผิด เพราะลักษณะทรงของรองเท้าไม่เหมือนกัน ที่ใส่ไม่ได้อาจเป็นเพราะคนละยี่ห้อ คนละรุ่น ก็ไม่เหมือนกัน ดังนั้นจึงแนะนำให้ลองรองเท้าที่เรากำลังจะซื้อจะดีที่สุด
วิธีเช็คสภาพรองเท้าว่าควรเปลี่ยนแล้วหรือยัง
1. พื้นรองเท้า พื้นของรองเท้ากีฬาวิ่งแบ่งออกเป็น 3 ชั้นคือ ชั้นใน ชั้นกลาง และชั้นนอก โดยส่วนสำคัญที่สุดและหมั่นเช็คสภาพเป็นประจำก็คือ พื้นรองเท้าชั้นกลางหรือบริเวณที่เป็นฟองน้ำนิ่มๆ อยู่ระหว่างหน้าพื้นกับด้านล่างสุดของพื้น เพราะเป็นชั้นที่ช่วยรับน้ำหนักตัวทั้งหมด เพื่อกระจายแรงกระแทกไปยังส่วนอื่น ดังนั้นถ้าหากเกิดการสึกกร่อนหรือเสียหายแสดงว่าจะต้องเปลี่ยนคู่ใหม่ 2. ระยะทางในการวิ่ง หากใส่รองเท้าวิ่งมานานหลายปีแล้ว หรือถ้าหากนับรวมระยะทางวิ่งแล้วได้ราว 563 กิโลเมตรซึ่งเท่ากับ 70 กิโลเมตรต่อสัปดาห์ ก็ควรมองหาลองเท้าคู่ใหม่ได้เพื่อความสบายในการสวมใส่ และสุขภาพเท้าของตัวเอง 3. สภาพของพื้นผิวในการวิ่ง หากวิ่งบนพื้นผิวที่มีความขรุขระมากอาจต้องเปลี่ยนรองเท้าเร็วกว่าคนอื่น ๆ รวมไปถึงความมากน้อยของน้ำหนักตัวด้วย หากน้ำหนักตัวไม่มากรองเท้ากีฬาอาจจะใช้งานได้นานกว่าคนที่มีน้ำหนักตัวเยอะความแตกต่างที่ลงตัว ของ รองเท้าวิ่งกับรองเท้าธรรมดา sportlifeonline สนับสนุนให้ทุกคนใส่ใจเรื่องรองเท้ามากขึ้น
Categories:
บทความน่ารู้, บทความรีวิว, รวมบทความ
ความแตกต่างที่ลงตัว ของ รองเท้าวิ่งกับรองเท้าธรรมดา sportlifeonline สนับสนุนให้ทุกคนใส่ใจเรื่องรองเท้ามากขึ้น
รองเท้าแต่ละประเภทออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่ต่างกัน แต่มีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ การป้องกันเท้าของเราจากสิ่งแปดเปื้อน และกันการบาดเจ็บแก่เท้า เพราะ รองเท้าถือเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน แต่ละคนมีรองเท้าหลากหลายคู่เพื่อใช้ในโอกาสและกาลเทศะต่างๆ รองเท้าทำจากวัสดุต่างๆ เช่น ทำจากพืช หนังสัตว์ เช่น หนังวัว หนังควาย นอกจากนี้ยังมีรองเท้าที่ทำจากพลาสติก ไฟเบอร์ และอื่นๆ ซึ่งหัวข้อประเด็นหลักที่จะหยิบยกมาในครั้งนี้คือ ลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันของ รองเท้าวิ่งกับรองเท้าธรรมดา รองเท้าธรรมดาที่ใส่อยู่บ้านปกติและรองเท้าวิ่งที่ใส่ในกิจกรรมออกกำลังกายและมีคุณสมบัติพิเศษกว่ารองเท้าธรรมดา
เพราะฉะนั้นรองเท้าวิ่งย่อมไม่ธรรมดา สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับรองเท้าวิ่งที่มีคุณภาพเยี่ยมคือ ต้องมีพื้นรองเท้าที่ดี โดยใช้วัสดุที่ทำให้แรงกระแทกกระจายได้ทั่วถึงกัน ต้องมีการกระจายแรงหลังจากลงด้วยส้นแล้วถ่ายไปที่ฝ่าเท้าปลายเท้าต้องดี และควรจะเป็นพื้นแข็งเท่ากันตลอดทั้งรองเท้า


สาระน่ารู้เกี่ยวกับรองเท้าแบบต่างๆ
- รองเท้านักฟุตบอล คือต้องมีปุ่มแหลมที่รองเท้าเพื่อการยึดเกาะและกันลื่นล้ม - รองเท้านักวิ่ง มีปุ่มกลมที่พื้นรองเท้าช่วยในการออกตัวและเร่งจังหวะความเร็ว - รองเท้านักบาสเก็ตบอล ต้องใส่รองเท้าที่พื้นไม่ลื่นและหุ้มข้อเพื่อป้องกันการกระแทกและข้อเท้าแพลง - รองเท้านักโบว์ลิ่ง ต้องใส่รองเท้าที่สไลด์ตัวไถลไปข้างหน้าได้ดี เวลาโยนลูก - รองเท้านักปีนเขา ต้องใส่รองเท้าที่เกาะเกี่ยวได้ง่ายและทนทาน - สำหรับผู้สูงอายุ ต้องใส่ใจ พิถีพิถันกับรองเท้ามากเป็นพิเศษ เพราะผู้สูงอายุมักมีปัญหาเรื่องการทรงตัว หกล้มง่าย รองเท้าที่ดีสำหรับผู้สูงอายุ คือ เป็นรองเท้าที่มีส้นเตี้ย ขอบมน ควรเป็นพื้นดอกยาง เพื่อป้องกันการลื่น และควรมีหน้ากว้าง เพื่อทำให้นิ้วเท้าเคลื่อนไหวได้สะดวก ส่วนพื้นรองเท้าด้านหน้าควรเชิดขึ้นจากพื้นเล็กน้อย เพื่อให้เดินได้มั่นคง และป้องกันการสะดุดเท้าตนเอง ในกรณีผู้สูงอายุต้องเดินทาง ควรใส่รองเท้าที่หุ้มส้นและข้อเท้าที่มั่นคง เพื่อเป็นการพยุงข้อเท้า ทำให้ทรงตัวดีขึ้น - รองเท้าผ้าใบเป็นอะไรที่ Back to basic และถนอมเท้าเราได้ดีเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าผ้าใบแบบ Slip-on, sneaker หรือ sneaker หุ้มข้อดีไซด์สตรีทแฟชั่น ก็สามารถนำมา Mix and match กับเสื้อผ้าที่สวมใส่ได้ไม่ยากข้อควรระวังในการใส่รองเท้า
- การเลือกรองเท้าใส่ขับรถ ควรเป็นรองเท้าที่สวมใส่ได้มั่นคง ไม่หลุดง่าย พื้นไม่ลื่น เคยมีกรณีรองเท้าส้นสูงผู้หญิงหลุดไปติดคาคันเบรค ทำให้เกิดอุบัติเหตุรถชน รองเท้ายางที่พื้นลื่นๆ อาจไถลลื่นออกจากแป้นเบรคได้ ทำให้เสียจังหวะการเบรครถ เกิดอุบัติเหตุตามมา - รองเท้ากัด มักเป็นรองเท้าใหม่ที่หนังยังด้านแข็ง แก้ไขโดยใช้วาสลีนทา หรือใช้ปลาสเตอร์ปิดทับขอบหลังที่หนาด้านแข็งของขอบรองเท้า - หากคุณเป็นผู้ที่เล่นกีฬาอยู่เป็นประจำ ควรจะต้องมีรองเท้ามากกว่า 1 คู่ใส่สลับกันบ้าง ยิ่งการเล่นกีฬาที่ใช้เวลานานติดต่อกันหากใส่ซ้ำๆ กันทุกวัน รองเท้าก็จะเสื่อมสภาพง่าย และเก่าเร็วกว่าที่ควร ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการช่วยถนอมอายุการใช้งานรองเท้าให้ยาวนานมากขึ้น
ให้แต่ละก้าวที่วิ่ง เซฟและถนอมเท้าคุณ ด้วย รองเท้าวิ่ง ที่ดีที่สุดจาก sportlifeonline ยิ่งวิ่งยิ่งจำเป็นต้องใช้
Categories:
บทความน่ารู้, บทความรีวิว, รวมบทความ
ให้แต่ละก้าวที่วิ่ง เซฟและถนอมเท้าคุณ ด้วยรองเท้าวิ่งที่ดีที่สุดจาก sportlifeonline ยิ่งวิ่งยิ่งจำเป็นต้องใช้
รองเท้าวิ่ง นับเป็นอุปกรณ์สำคัญอย่างหนึ่งที่ต้องใช้ในการวิ่งหรือเดินเร็วในการออกกำลังกายทุกครั้ง ซึ่งเชื่อแน่ว่าทุกคนต้องรองเท้าวิ่งติดบ้านไว้อย่างน้อยคนละคู่ถึงสองคู่ เนื่องจากประโยชน์ของรองเท้าวิ่งนั้นไม่ได้อยู่ที่อำนวยความสะดวกในการวิ่งเพียงอย่างเดียว หากแต่ยังช่วยป้องกันอันตรายที่อาจเกิดกับเท้าของเราได้ รวมไปถึงช่วยลดแรงกระแทกตรงบริเวณฝ่าเท้าและข้อเท้าในการลงน้ำหนักขณะที่เราวิ่งด้วย ยิ่งนักกีฬาวิ่งด้วยแล้วยิ่งต้องมีความจำเป็นอย่างมาที่จะต้องใส่รองเท้าวิ่งที่ออกแบบมาเป็นอย่างดีเพื่อช่วยซัพพอร์ตเท้าในขณะการแข่งขัน นักกีฬาที่ได้เปรียบและประสบสำเร็จในการแข่งขันคือผู้ที่ใส่รองเท้าวิ่งคุณภาพเยี่ยมนั่นเอง
คนยุคใหม่ใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น เราจึงเห็นว่าในช่วงเวลาเย็นๆจะมีหนุ่มสาวออฟฟิศคนทำงานสวมรองเท้าวิ่งคู่ใจไปวิ่งกันอย่างคึกคัก เพื่อเป็นการผ่อนคลายยืดเส้นให้ร่างกายหลังจากที่นั่งหน้าคอมมาตลอดทั้งวัน เนื่องจากการวิ่งเป็นกีฬาที่เล่นง่าย สามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือมากมายแค่มีรองเท้าก็ออกวิ่งได้ แต่การวิ่งก็มีโอกาสบาดเจ็บสูงหากวิ่งไม่ถูกวิธี และเลือกรองเท้าไม่เหมาะกับตัวเอง
ข้อแนะนำในการวิ่งที่ถูกวิธี
การวิ่งที่ถูกต้องที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บน้อยที่สุด คือ การลงด้วยส้นเท้าแล้วถ่ายน้ำหนักไปที่ฝ่าเท้า วิธีนี้จะรับแรงกระแทกน้อยที่สุด คือ ประมาณ 1-1.5 เท่าของน้ำหนักตัว แต่ถ้าวิ่งลงเต็มเท้าเราจะรับแรกกระแทกถึง 3 เท่าของน้ำหนักตัวเลยทีเดียว ฉะนั้นการวิ่งลงเต็มเท้าก็เหมือนเราแบกรับน้ำหนักเป็นสามเท่าของเรา นี่คือสาเหตุของการบาดเจ็บ ไม่ว่าจะเป็นข้อเท้า หัวเข่า น่อง หรือ เอว ซึ่งรองเท้าที่ดีพื้นรองเท้าสำคัญมาก ต้องใช้วัสดุที่ทำให้แรงกระแทกกระจายได้ทั่วถึงกัน ต้องมีการกระจายแรงหลังจากลงด้วยส้นแล้วถ่ายไปที่ฝ่าเท้าปลายเท้าต้องดีและควรจะเป็นพื้นแข็งเท่ากันตลอดทั้งรองเท้าด้วย หากท่านใดที่ไม่มีเวลาเดินทางไปยังสนานที่ออกกำลังกายได้ก็ขอแนะนำให้วิ่งบนลู่วิ่งแทนได้เช่นกัน
สาระน่ารู้ เรื่อง การใช้งานรองเท้าวิ่งไม่ให้ปวดเข่า
1. การยืดกล้ามเนื้อรอบเข่าและข้อเท้าให้เพียงพอ ควรยืดช้าๆ ค้างไว้ 10 – 15 วินาทีต่อครั้ง ทำประมาณ 5 – 10 ครั้งต่อมัด และหมั่นออกกำลังกล้ามเนื้อต้นขาโดยการเหยียดเข่าตรงและเกร็งค้างไว้ 5 วินาทีต่อครั้ง ทำประมาณ 10 – 20 ครั้งต่อวัน 2. วอร์มอัพให้เพียงพอ โดยเริ่มจากการเดินเร็วหรือวิ่งเหยาะๆก่อนที่จะวิ่งเต็มที่ เพื่อการปรับตัวของกล้ามเนื้อระบบไหลเวียนโลหิต และระบบการหายใจ 3. เลือกรองเท้าที่เหมาะสมกับการวิ่ง ควรมีพื้นกันแรงกระแทกที่เพียงพอและมีความกระชับพอดีกับเท้า โดยทั่วไปถ้าต้องการวิ่งออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ ให้เลือกรองเท้าแบบ cross training 4. ใช้อุปกรณ์เสริมอุ้งเท้า ถ้าคุณมีเท้าแบนหรือไม่มีอุ้งเท้าสูงเพียงพอ เวลาวิ่งนานๆอาจทำให้มีแรงปฏิกิริยาจากพื้นกระทำต่อข้อเท้าและข้อเข่าทำให้เกิดอาการปวดเข่าหรือข้อเท้าเรื้อรังได้ ควรไปพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษา หรือลองซื้อแผ่นยางเสริมอุ้งเท้ามาติดภายในรองเท้า 5. เลือกบริเวณวิ่งให้เหมาะสม ควรเป็นพื้นที่เสมอกันไม่ควรวิ่งบริเวณที่เป็นพื้นเอียงหรือบริเวณที่มีการหักเลี้ยวอย่างเฉียบพลัน พื้นวิ่งที่ดีที่สุดคือพื้นยางสังเคราะห์หรือพื้นดิน เพราะมีความนุ่มและเก็บพลังงานเพื่อเปลี่ยนเป็นแรงส่งตัวได้ดี ถ้าจะวิ่งบนพื้นคอนกรีต ควรเลือกรองเท้าที่รับแรงกระแทกอย่างเพียงพอ 6. ไม่ควรวิ่งก้าวเท้ายาวเกินไป หรือยกเข่าสูงเกินไป เพราะทำให้ข้อเข่าต้องงอ มากเกินความจำเป็น ทำให้เกิดปัญหาปวดเข่า ได้ง่ายขึ้น ส่วนแขนก็ควรงอเพียงเล็กน้อยและแกว่งข้างลำตัว ในกรณีที่คุณมีปัญหาปวดหลังหรือน้ำหนักตัวมาก ควรแกว่งแขน ให้ค่อนมาทางด้านหลังเพื่อไม่ให้ลำตัวก้มไปข้างหน้ามากเกินไปด้วย 7. ควรวิ่งโดยลงน้ำหนักที่ส้นเท้า การวิ่งโดยลงน้ำหนักที่ปลายเท้านานๆจะทำให้เกิดแรงกระชากพังผืดฝ่าเท้า ปวดกล้ามเนื้อน่อง และยังเกิดแนวแรงที่ผิดปกติที่ผ่านต่อข้อเข่า ทำให้ต้องงอเข่ามากขึ้นขณะวิ่ง อาจทำให้เกิดการปวดเข่าด้านหน้าอีกด้วย 8. ไม่ควรวิ่งขึ้นลงเนิน ถ้าคุณมีปัญหาที่ข้อเข่าบ่อยๆ ถ้าจะวิ่งขึ้นเนินให้เอนลำตัวไปด้านหน้า ก้าวเท้าให้สั้นลง และมองตรงไปข้างหน้า ไม่ควรแหงนหน้าขึ้น ถ้าจะวิ่งลงเนิน พยายามให้ลำตัวตั้งตรง เพื่อกันการเสียหลักได้ และควรก้าวเท้าให้ยาวขึ้นและเร็วขึ้นกว่าปกติ 9. ระยะทางที่วิ่งต้องเหมาะสม ถ้าจะเพิ่มระยะทาง ก็ควรเพิ่มช้าๆในแต่ละสัปดาห์ 10. ค่อยๆลดความเร็วลง เมื่อใกล้จะหยุดวิ่ง และควรเดินต่ออีกสักพักเพื่อให้ร่างกายได้ชะเอากรดแล็กติกออกไปจากกล้ามเนื้อบ้าง ช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อหลังวิ่งในวันรุ่งขึ้น 11. หมั่นออกกำลังกายกล้ามเนื้อต้นขา โดยการเหยียดเข่าตรงและเกร็งค้างไว้ 5 วินาทีต่อครั้ง ทำประมาณ 10 – 20 ครั้งต่อวัน 12. หาตัวช่วยอื่น ถ้าคุณมีภาวะข้อเสื่อมอย่างชัดเจน ควรออกกำลังกายด้วยวิธีอื่นแทนการวิ่ง
Sportlifeonline ชวนคุณออกกำลังด้วยกัน เพื่อสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง
วิธีทำความสะอาดรองเท้าวิ่ง สะอาดสุด ยืดอายุการใช้งาน ตามแบบฉบับของ sportlifeonline
Categories:
บทความน่ารู้, บทความรีวิว, รวมบทความ
วิธีทำความสะอาดรองเท้าวิ่ง สะอาดสุด ยืดอายุการใช้งาน ตามแบบฉบับของ sportlifeonline
รองเท้าวิ่งถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักวิ่งทุกคน แม้ในยุคปัจจุบันเราสามารถจะเลือกใส่รองเท้าที่มีมาตรฐานทั้งการการออกแบบรวมถึงกระบวนการผลิตที่ยอดเยี่ยมได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เราควรใส่ใจมากที่สุดนั่นคือการทำความสะอาดรองเท้าคู่โปรดที่ใส่อยู่เป็นประจำ ทั้งนี้ก็เพื่อสุขลักษณะที่ดีในการใช้ครั้งต่อไปและเพื่อยืดอายุการใช้งานของรองเท้าด้วย ฉะนั้นเราจึงควรต้องรู้จักวิธีการที่ถูกต้องในการดูแลรักษารองเท้าวิ่งของเรา ซึ่งทาง sportlifeonline มี วิธีทำความสะอาดรองเท้าวิ่ง มาฝากทุกท่านดังนี้ครับ
วิธีทำความสะอาดรองเท้าวิ่งเบื้องต้น
1. หากคุณเป็นผู้ที่เล่นกีฬาอยู่เป็นประจำ ควรจะต้องมีรองเท้ามากกว่า 1 คู่ใส่สลับกันบ้าง ยิ่งการเล่นกีฬาที่ใช้เวลานานติดต่อกันหากใส่ซ้ำๆ กันทุกวัน รองเท้าก็จะเสื่อมสภาพง่าย และเก่าเร็วกว่าที่ควร ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการช่วยถนอมอายุการใช้งานรองเท้าให้ยาวนานมากขึ้นนั่นเอง
ข้อแนะนำการดูแลรองเท้าเบื้องต้น
ขอแนะนำคุณลูกค้าทุกท่านกับวิธีการทำความสะอาดและดูแลรองเท้าคู่เก่งของคุณกันเพื่อที่จะได้ช่วยยืดอายุของรองเท้าของคุณให้สามารถใช้ไปได้นานๆ ดังนี้
1. ทำความสะอาดรองเท้าทุกครั้งหลังจากการสวมใส่และพ่นสเปรย์รักษารองเท้าตามชนิดของวัสดุที่ใช้ทำรองเท้า
2. จัดเก็บรองเท้าในตู้เก็บหรือกล่องพลาสติกใสเพื่อกันฝุ่นและควรอยู่ในอุณหภูมิห้อง โดยวางรองเท้าไว้ให้ไกลจากเครื่องทำความอุ่น อาจยัดกระดาษเข้าไปในรองเท้าเพื่อให้กระดาษช่วยดูดซับความชื้นได้บ้าง แนะนำว่าเก็บรองเท้าของตัวเองไว้ในกล่องพลาสติกหรือกระดาษที่เจาะรูไว้เพื่อระบายอากาศ เพื่อป้องกันไม่ให้รองเท้าอับมาก และไม่ควรจัดเก็บรองเท้าไว้ที่หลังรถเพราะความร้อนอาจทำให้รองเท้าเสียหาย พื้นรองเท้าละลาย ยางละลายได้
3. ใช้ที่ใส่รองเท้าช่วยในการสวมเข้าไปทุกครั้งเพื่อช่วยไม่ให้บริเวณส้นเท้าเสียรูปทรง
4. ห้ามเหยียบบริเวณส้นเท้าเวลาถอดรองเท้า เพื่อช่วยลดการเสียรูปทรง
5. ห้ามดึงบริเวณที่เป็นส่วนประกอบต่างๆที่เป็นรอยต่อรองเท้า แผ่นยาง หรือสิ่งประดับอย่างอื่น ในขณะทำการสวมใส่รองเท้า
6. หากรองเท้ามีกลิ่นเหม็นอับ ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าของหนุ่มสาวให้นำถุงเล็กๆ คล้ายถุงชา บรรจุถ่านไม้สีดำ บดละเอียดใส่เข้าไปในรองเท้า เพื่อให้ดูดกลิ่นอับในรองเท้า
7. อย่าปล่อยให้รองเท้าเปียกชื้นค้างคืนเพราะมันจะบ่มเพาะเชื้อรา แบคทีเรีย และสร้างกลิ่นเหม็นๆ ไม่พึงประสงค์ขึ้นมา แต่ถ้าเป็นรองเท้าที่กันน้ำได้ด้วยก็ยิ่งดีเพราะดูแลรักษาได้ง่ายกว่า
