Sportlifeonline สนับสนุนให้ทุกคนออกกำลังกายด้วยการวิ่ง ก้าวเล็กๆที่ดีต่อสุขภาพ
Categories:
บทความน่ารู้, รวมบทความ
Sportlifeonline สนับสนุนให้ทุกคนออกกำลังกายด้วยการวิ่ง ก้าวเล็กๆที่ดีต่อสุขภาพ
ก้าวเล็กๆที่ดีต่อสุขภาพ การวิ่งเป็นกิจกรรมการออกกำลังกายที่ทำได้ง่ายสะดวกเหมาะกับทุกเพศทุกวัย อาศัยเพียงแค่สถานที่วิ่งที่เหมาะสมและรองเท้าวิ่งที่มีคุณภาพ กับอากาศที่ถ่ายเทสะดวก นับเป็นกิจกรรมการออกกำลังกายที่ดีอย่างหนึ่งต่อระบบต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกร่างกาย การวิ่งเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ก็ควรวิ่งอย่างใจเย็น ไม่ต้องเร่ง หรือวิ่งให้เร็วเกินพอดี ควรกำหนดการวิ่งให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของตนเอง กำหนดเป้าหมายให้จัดเจนว่า จะวิ่งเพื่อสุขภาพ หรือ วิ่งเพื่อการแข่งขัน แล้วกำหนดแผนการให้เหมาะสม หมั่นฝึกซ้อม และทำต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอแบบค่อยเป็นค่อยไป ก็จะช่วยให้การวิ่งมีการพัฒนาสามารถวิ่งได้ตามเป้าหมาย โดยไม่มีอาการบาดเจ็บมารบกวน
ประโยชน์ที่ได้จากการวิ่ง
คนทุกเพศ ทุกวัย สามารถใช้การเดิน และการวิ่งเป็นกิจกรรมสร้างเสริมการออกกำลังกายได้ เพียงแต่ต้องกำหนดเวลา และระยะทางการวิ่งให้เหมาะสมตามสภาพร่างกาย เช่น กลุ่มช่วงวัยเด็ก ควรวิ่งในระยะทางที่ไม่ไกลมากนัก ในขณะที่กลุ่มผู้สูงอายุ หรือกลุ่มคนที่มีโรคประจำตัว ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อกำหนดระยะเวลา และรูปแบบการวิ่งให้พอเหมาะกับความสมบูรณ์ของร่างกาย การวิ่งเป็นประจำส่งผลดีต่อร่างกายทุกระบบ ทั้งร่างกาย และจิตใจในหลายๆด้าน ดังนี้ ด้านสุขภาพทั่วไป ช่วยรักษาระดับความดันเลือดให้เป็นปรกติ การทำงานของหัวใจ ปอด การหายใจดีขึ้น เพิ่มความฟิต และสมบูรณ์ให้กับร่างกาย ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ทำให้ส่วนต่างๆ ของร่างกายทำงานได้ดีขึ้น เช่น 1. เบิร์นไขมันส่วนเกินได้ไว สำหรับผู้ที่ต้องการจะลดความอ้วนนี่คือวิธีออกกำลังที่เวิร์คมากที่สุดเลยทีเดียว จำไว้ว่ายิ่งวิ่งมากเท่าไหร่ไขมันส่วนเกินก็สลายไปมากเท่านั้น นอกจากนี้การสอยเท้าทะยานไปข้างหน้านี้ยังดีต่อสุขภาพปอด, หัวใจ และเส้นเลือด รวมไปถึงต้องไม่ลืมการควบคุมอาหารไปพร้อม ๆ กันอีกด้วย 2. ช่วยบรรเทาและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคประจำตัวต่างๆ เช่นหัวใจ โรคความดันเลือด โรคเบาหวาน ช่วยลดระดับไขมันในเลือด และช่วยในการลดน้ำหนัก และควบคุมน้ำหนักได้ ด้านสุขภาพจิตและอารมณ์ การวิ่งช่วยให้อารมณ์และสุขภาพจิตดีขึ้น ช่วยทำให้ระดับความเครียดลดลง เช่น 1. การวิ่งสร้างความสุขได้ การออกกำลังกายด้วยการวิ่ง จะช่วยให้คุณรู้สึกมีความสุขหรือกระปรี้กระเปร่าขึ้นได้ เพราะสารแห่งความสุขอย่าง เอ็นดอร์ฟิน จะหลั่งออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้วิ่งตามสวนสาธารณะในยามเช้ากับเพื่อนๆท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์
เป้าหมายสำคัญในการวิ่ง
การวิ่งนั้นไม่ว่าคนในกลุ่มใดก็มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ อาการบาดเจ็บ และอาการหัวใจหยุดเต้นได้ อันเนื่องมาจากการวิ่งที่หนักเกินกำลังร่างกาย ขาดการฝึกฝนฝึกซ้อมที่สม่ำเสมอ และกลุ่มที่ไม่ทราบว่าตนเองป่วย หรือมีโรคประจำตัว ดังนั้นการกำหนดเป้าหมายในการวิ่งให้ชัดเจน จึงมีส่วนช่วยในการกำหนดการฝึกซ้อมและการเตรียมสภาพร่างกาย กลุ่มคนที่วิ่งเพื่อสุขภาพ วิ่งไม่หนักมากนักสามารถสังเกตอาการเจ็บป่วยได้ด้วยตนเอง และควรเริ่มวิ่งอย่างค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆ เพิ่มระยะทาง ระยะเวลาตามความพร้อมและความสมบูรณ์แข็งแรงของร่างกาย กลุ่มคนที่ต้องการวิ่งเพื่อการแข่งขันหรือวิ่งในระดับอาชีพ ที่ต้องการพัฒนาการวิ่งของตนเองให้มีระดับสูงขึ้น วิ่งได้เร็วขึ้น นอกจากการฝึกซ้อมอย่างค่อยเป็นค่อยไป และสม่ำเสมอแล้ว ควรได้รับการตรวจเช็คสภาพร่างกายก่อน เพื่อดูว่าตนเองมีความเสี่ยงในการเกิดโรค หรือโรคประจำตัวอะไรหรือไม่ กลุ่มคนที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ คือกลุ่มคนที่มีโรคประจำตัว โรคความดันเลือด โรคหัวใจ ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก หรือคนที่เป็นโรคเกี่ยวกับกระดูก และข้อต่อ ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เพื่อกำหนดรูปแบบและระยะเวลาที่เหมาะสม การฝึกซ้อมการวิ่งอย่างค่อยเป็นค่อยไปและสม่ำเสมอ สามารถช่วยพัฒนาการวิ่งได้ ซึ่งระยะทาง และระยะเวลาในการฝึกซ้อมนั้น จะขึ้นอยู่กับสภาพความพร้อม และความแข็งแรงของร่างกายเป็นหลัก แตกต่างไปตามแต่ละบุคคล ระยะเวลาการฝึกซ้อมวิ่งที่แนะนำ โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 150 นาทีต่อสัปดาห์ อาจเป็นเป็นการเดิน หรือ วิ่ง วันละ 40-50 นาที 3-4 วันต่อสัปดาห์ หรือ หากวิ่งแล้วมีอาการเหนื่อยมาก พักแล้วไม่หาย ให้ลดเวลาวิ่งลงเหลือ 75 นาทีต่อสัปดาห์ หรือประมาณ 30 นาที 3 วันต่อสัปดาห์ก็ได้
ข้อควรระวังเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บจากการวิ่ง
อาการบาดเจ็บจากการวิ่ง โดยมากมักขึ้นบริเวณหัวเขา รองลงมาคือส่วนของข้อเท้า ซึ่งอาการบาดเจ็บเหล่านี้สามารถเกิดได้กับนักวิ่งทุกคน โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มระยะและเพิ่มความเร็วในการวิ่ง เร็วเกินไป ในขณะที่สภาพร่างกายยังไม่พร้อม การฝึกซ้อมให้สม่ำเสมอ และทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บได้ การสังเกตตนเองสามารถทำได้ในขณะวิ่ง หากมีอาการเจ็บ หรือปวด หน้ามืด วิงเวียนขณะวิ่ง ให้เบาความเร็วในการวิ่งลง หรือ หยุดเพื่อสังเกตการ ไม่ควรฝืนวิ่งต่อ อีกกรณีหากวิ่งแล้วมีอาการเจ็บ หรือปวดเรื้อรังเป็นเวลานาน เกิน 3 - 4 วัน ให้ลองหยุดพัก และสังเกตอาการ และบรรเทาอาหารเบื้องต้นด้วยการประคบเย็น และยกขาให้สูง หรือหากทำแล้วไม่ดีขึ้น หรือไม่มั่นใจในอาการบาดเจ็บตนเอง ให้ปรึกษาแพทย์รับการวินิจฉัย และเข้ารับการรักษาต่อไป นอกจากนี้ควรหมั่นฝึกซ้อมและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่เพิ่มความเร็ว และระยะในการวิ่ง เร็วเกินไป เพิ่มการฝึกเวทเทรนนิ่ง หรือ บอดี้เวท ที่สามารถทำได้ง่ายๆที่บ้าน เพื่อช่วยเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อก็จะสามารถช่วยลดอาการบาดเจ็บจากการวิ่งได้อีกทาง