คนรุ่นใหม่ใส่ใจการวิ่ง ปรับกิจวัตรสู่การวิ่งที่ได้ผลลัพธ์ที่ดี
คนรุ่นใหม่ใส่ใจการวิ่ง ปรับกิจวัตรสู่การวิ่งที่ได้ผลลัพธ์ที่ดี การวิ่งเป็นการออกกำลังที่ง่ายที่สุด เพราะไม่จำเป็นจะต้องมีเครื่องมือใดๆ แค่มีพื้นที่ให้วิ่งกับรองเท้าดีๆสักคู่ก็พอแล้ว ส่วนจะวิ่งตอนเช้าตรู่เพื่อเปิดรับอากาศบริสุทธิ์ก่อนไปทำงาน หรือจะวิ่งเวลาเย็นหลังเลิกงานก็หาเวลากันได้ตามสะดวก แต่จะให้ดีควรชวนเพื่อนๆไปวิ่งด้วยกันเพราะจะช่วยให้การวิ่งสนุกยิ่งขึ้น แถมยังเป็นการสร้างสัมพันธภาพที่ดีของเรากับเพื่อนร่วมงานอีกด้วย

การวิ่งที่ได้อรรถประโยชน์นั้นเราควรจะวิ่งเป็นจังหวะอย่างคงเส้นคงวาและแกว่งแขนตามจังหวะการก้าวเท้า เพื่อให้จังหวะการวิ่งของเราเท่ากัน ซึ่งแท้จริงว่าจังหวะการวิ่งของแต่ละคนนั้นจะมีความเหลื่อมล้ำกันออกไปตามความบึกบึนของร่างกาย สมมุติว่าเราเพิ่งเริ่มที่จะบริหารร่างกายก็ควรที่จะวิ่งเหยาะๆไปเรื่อยๆ ไม่ต้องโหมวิ่งตามคนที่วิ่งมายาวนานแล้ว เพราะจะเหนื่อยเกินไปและกล้ามของเราอาจรับไม่ได้กับการหักโหม ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บ หรือป่วยได้

โดยผู้ที่เริ่มวิ่งอาจจะวิ่งเหยาะๆ วันละ 20 นาทีก่อน แล้วค่อยเพิ่มเป็นวันละ 30-60 นาที อย่างอย่างต่อเนื่องสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งเป็นอย่างน้อย ซึ่งจะเสริมสร้างสุขภาพร่างกายของเราให้แข็งแกร่ง กล้ามเนื้อตึงกระชับ และที่สำคัญน้ำหนักตัวของเราก็จะเบาลง และคงที่ตามสัดส่วนโครงสร้างของเราส่วนการวิ่งให้ประสบความสำเร็จควรจะเน้นการวิ่งแบบระยะยาว ซึ่งอาจเริ่มทำโดยการเซ็ทวันอย่างหลวมๆ ประมาณ 3-5 วันต่ออาทิตย์ หากเราทำได้บ่อยเท่าไรการลดน้ำหนักก็จะยิ่งสำเร็จได้เร่งด่วนมากขึ้นหลายเท่าตัว
ประโยชน์ของการวิ่งที่ดีมากขึ้น

1. การวิ่งทำให้คุณมีความสุขมากขึ้น
ไม่ใช่แค่การวิ่ง แต่เป็นการออกกำลังกายเกือบทุกชนิดจะมีจุดที่ช่วยให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่เรียกว่า Endocannabinoids ซึ่งเป็นฮอร์โมนความสุขชนิดหนึ่งออกมา
มีงานวิจัยในปี 2006 นำกลุ่มตัวอย่างที่เป็นโรคซึมเศร้า ให้มาออกกำลังกายวันละ 30 นาที โดยการเดินบนเครื่องวิ่ง ค้นพบว่าทำให้การออกกำลังกายต่อเนื่องมีผลทางอารมณ์ทำให้คนที่เป็นโรคซึมเศร้า อารมณ์ดีขึ้นได้ ซึ่งก็สอดคล้องกับงานวิจัยในปี 2012 จากสถาบันวิทยาศาสตร์การกีฬา คือการให้กลุ่มตัวอย่างที่มีปัญหาสุขภาพหลายอย่าง มาวิ่งวันละ 30 นาที พบว่ากลุ่มตัวอย่างทั้งหมดมีสุขภาพโดยรวมที่ดีขึ้น ทั้งอาการนอนไม่หลับก็หายไป สามารถพักผ่อนได้เต็มที่ รวมถึงมีสภาพอารมณ์และสมาธิที่ดีขึ้นด้วย
2. การวิ่งช่วยให้มีรูปร่างที่ดี
การวิ่งช่วยร่างกายสามารถเบิร์นแคลลอรี่ได้ แต่มันยังมีโบนัสเพิ่มเติมมากกว่านั้นอีก นั้นก็คือคุณยังสามารถเบิร์นแคลลอรี่ได้แม้กระทั่งช่วงที่คุณไม่ได้ออกกำลังกายมีงานวิจัยหลายชิ้นที่บ่งบอกว่า หากคุณออกกำลังกายเป็นประจำ ร่างกายจะยังมีการเบิร์นแคลลอรี่ต่อไปหลังจากที่คุณออกกำลังกายเสร็จแล้ว เราเรียกกระบวนการนี้ว่า EPOC (excess post oxygen consumption) ดังนั้นก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำถึงมีรูปร่างที่ดี ถึงแม้ว่าเราจะเห็นว่าบางครั้งเขาก็กินอาหารพอๆ กับเราด้วยซ้ำ

3. การวิ่ง ช่วยเสริมความแกร่งของข้อต่อ
มีงานศึกษาทางวิทยาศาสตร์หลายชิ้นจากมหาวิทยาลัย Boston University ระบุว่ายิ่งคุณวิ่งมากเท่าไร ส่วนของข้อต่อต่างๆ ในร่างกายคุณจะแข็งแกร่งขึ้น ทำให้ข้อเสื่อมได้ช้าลง (ในกรณีที่คุณวิ่งถูกวิธี) และยังยืดอายุกระดูกของคุณให้เสื่อมช้าอีกด้วย หากใครบอกว่าวิ่งแล้วจะทำให้เข่าเสื่อมคาดว่าเนื่องจากการวิ่งที่ผิดวิธีอย่างแน่นอน ทำให้เข่ารับภาระหนักไป ขอให้ปรับการวิ่งให้ถูกวิธี

4. การวิ่ง ช่วยให้ร่างกายคุณไม่ร่วงโรยไปตามวัย
มีงานวิจัยจาก Psychonomic Bulletin & Review ในปี 2012 ระบุว่าการวิ่งและการออกกำลังกายช่วยชะลอการเสื่อมของระบบร่างกายตามวัยได้ซึ่งจะว่าไปมันก็เป็นสิ่งที่เราสังเกตได้อยู่แล้ว เราปู่ย่าตายาย ของเราที่มีอายุมากแล้วยังแข็งแรงอยู่ เนื่องจากผู้คนในยุคสมัยก่อนนั้นทำงานและใช้ร่างกายอย่างหนักเป็นการออกกำลังกายไปในตัวตั้งแต่สมัยหนุ่มสาวนั้นเอง
5. การวิ่ง ช่วยป้องกันมะเร็งได้
แม้ว่าการวิ่งไม่อาจรักษาโรคมะเร็งได้ แน่ล่ะมันยังไม่มีอะไรรักษามะเร็งได้ แต่การวิ่งก็สามารถช่วยป้องกันมะเร็งไม่ให้ก่อตัวขึ้นมาได้การวิจัยจาก Journal of Nutrition ระบุว่าการออกกำลังกายทำให้ร่างกายลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งได้ แต่สำหรับท่านที่เป็นมะเร็งอยู่แล้วล่ะ? การวิ่งช่วยอะไรได้บ้างมีการระบุออกมาแล้วว่าการวิ่งนั้นช่วยฟื้นฟูร่างกายให้กับคนที่บำบัดมะเร็งโดยวิธีคีโมอยู่ได้ด้วย
6. การวิ่ง ทำให้คุณอายุยืนยาว
เรื่องปริมาณการออกกำลังกายนั้นไม่สำคัญ แม้ว่าคุณจะออกกำลังกายเพียงแค่ระดับน้อยที่สุดที่จะเรียกได้ว่ามันคือการออกกำลังกาย (วันละ 30 นาที 5 ครั้งต่อสัปดาห์) คุณก็สามารถมีชีวิตยืนยาวขึ้นได้เคยมีการวิจัยโดยกลุ่มตัวอย่างที่เคยสูบบุหรี่จัด แล้วเลิกบุหรี่มาออกกำลังกาย เขาจะมีอายุขัยเพิ่มมากขึ้นเฉลี่ย 4.1 ปี ในขณะที่ผู้ไม่สูบบุหรี่ที่มักจะมีสุขภาพดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อายุขัยจะเพิ่มขึ้นได้มากขึ้นถึง 3 ปี และแม้ว่าคนที่ยังไม่เลิกบุหรี่ การออกกำลังกายก็มีโอกาสช่วยให้เขามีอายุขัยนานขึ้นอีก 2.6 ปี เลยทีเดียว
ในขณะที่กลุ่มตัวอย่างที่เป็นโรคมะเร็ง จะมีโอกาสที่จะมีชีวิตยืนยาวขึ้นได้อีก 5.3 ปี ในขณะที่ผู้ป่วยโรคหัวใจ จะมีชีวิตต่อไปได้อีก 4.3 ปี ด้วยกัน
เหตุผลที่วัยรุ่นควรวางมือถือ แล้วลุกขึ้นมาวิ่ง
1. "ง่าย" ทำได้ด้วยตัวเอง
2. แข็งแรงได้ ไม่แคร์อุปกรณ์
3. สุขภาพดี ตังค์อยู่ครบ
4. ใช้แรงน้อย แต่เผาพลาญเลิศสุด
5. ปลอดภัยไร้กังวล
6. ได้ “สามแข็ง” คือ
- สมรรถภาพร่างกายแข็งแรง
- กระดูกแข็งแรง
- กล้ามเนื้อแข็งแรง
7. ได้ “สามดี” คือ
- ควบคุมน้ำหนักดี
- หุ่นดี
- ผิวพรรณดี
8. ลดความเครียด เสริมอารมณ์เบิกบาน
9. ทำได้ทุกที่ ทุกเวลา