เตรียมความพร้อมของร่างกายให้ดี แล้ว หยิบรองเท้าออกวิ่ง ไปกับ sportlifeonline
Categories:
บทความน่ารู้, รวมบทความ
เตรียมความพร้อมของร่างกายให้ดี แล้ว หยิบรองเท้าออกวิ่ง ไปกับ sportlifeonline
การวิ่งที่จะได้ผลดีนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ หยิบรองเท้าออกวิ่ง ทำให้เป็นกิจวัตรประจำวันของเราในช่วงเวลาที่เราพร้อม บางท่านอาจจะไม่ได้ออกกำลังกายทุกวันแต่ก็ควรจัดสรรเวลามาวิ่งออกกำลังกายให้ร่างกายและจิตใจได้ผ่อนคลายบ้าง ซึ่งการวิ่งนี้ยิ่งวิ่งยิ่งได้ประโยชน์กับตัวคุณเอง ซึ่งหากใครวิ่งจนชำนาญและเก่งแล้วพวกเขาย่อมรักการวิ่งและส่งให้การวิ่งของเขาในแต่ละรอบนั้นเต็มไปด้วยคุณภาพอย่างยิ่ง วิ่งเก่งในที่นี้ไม่จำเป็นต้องเป็นนักกีฬามืออาชีพในระดับแนวหน้า แค่มีสถิติดีเมื่อเทียบกับคนในรุ่นเดียวกัน คือ มีสุขภาพดีและวิ่งได้อย่างยั่งยืน มีความสุขในการวิ่งออกกำลังกายนั่นเองปัจจัยหลักสำคัญในการวิ่งออกกำลังกาย
1.ความสม่ำเสมอ คือ การฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ หากไม่ค่อยมีเวลาจริงๆก็สามารถยืดเส้นยืดสายหรือเวทนิดหน่อยๆก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลยและทุกครั้งที่ซ้อมจะต้องจดบันทึก เพื่อเป็นหลักฐานแก่ตัวเองว่าเรามีความสม่ำเสมอมากน้อยแค่ไหนด้วย 2.วอร์มอัพก่อนซ้อม คือ ถ้าได้วอร์มอัพร่างกายอย่างเหมาะสมจะช่วยให้วิ่งได้ดีขึ้น ลดโอกาสบาดเจ็บ การวอร์มอัพที่เหมาะสมในยุคนี้ก็อย่างที่เรารู้กันคือ ไดนามิกวอร์มอัพ ซึ่งคือการเคลื่อนไหวร่างกายส่วนต่างๆ ที่ต้องใช้ในการวิ่งไปพร้อมกับบอดี้เวทแบบเบาๆ ช่วยให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ช่วยให้อวัยวะที่ต้องใช้วิ่งเคลื่อนที่ได้เต็มวง ช่วยให้ข้อต่อทำงานลื่นไหลไม่ติดขัด เส้นเลือดฝอยขยายตัว รอรับงานหนัก ทั้งหมดนี้ทำก่อนวิ่งโดยใช้เวลาเพียง 5-10 นาทีเท่านั้น 3.วิ่งช้าให้ช้าลง คือ การจ็อกกิ้งคลายเส้นทำหลังซ้อมหนัก อาจวิ่งไปคุยไปได้ตามปกติเพื่อให้ร่างกายยืดหยุ่นปรับสภาพหลังวิ่งนั่นเอง 4.การฟื้นสภาพ(recovery)สำคัญพอๆกับการฝึก เพราเราต้องให้ความสำคัญกับการพักด้วย การฟื้นสภาพหลังวิ่งก็เช่นกัน เพราะถ้าเราฟื้นสภาพไม่ดีพอ การวิ่งครั้งต่อไปก็ไม่มีคุณภาพ ประเด็นที่สำคัญที่สุดของการฟื้นสภาพคือ นอนให้พอ 7-8 ชม. 5.เวทหลังวิ่งทุกครั้ง การเวทนี้ทำได้ทั้งก่อนวิ่ง ซึ่งก็คือไดนามิกวอร์มอัพและหลังวิ่งประโยชน์หลักๆคือช่วยให้มีท่าวิ่งที่ดีและป้องกันการบาดเจ็บสาระเรื่องสมรรถนะในการวิ่ง
ระดับสมรรถนะการวิ่งยังขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพการวิ่ง คือ การวัดค่าเทคนิคการวิ่งของคุณอีกด้วย การวัดค่านี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกด้วยเช่นกัน อาทิ สภาพภูมิประเทศ พื้นผิวการวิ่ง สภาพอากาศ และเสื้อผ้าอุปกรณ์ที่ใช้ในการวิ่ง เป็นต้น แล้วยังมีปัจจัยเสริมต่างๆที่ส่งผลให้เรามีสรรถภาพในการวิ่งที่ดีอีก คือ 1. การพักผ่อน นักวิ่งควรพักให้เพียงพอ เพราะกล้ามเนื้อก็ต้องการผ่อนคลาย ต้องการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ การพักก็มีทั้งที่พักการวิ่งในแต่ละสัปดาห์ พักเมื่อบาดเจ็บ หรือนอนหลับพักผ่อนให้เป็นเวลา 2. การกินอาหาร นักวิ่งก็ควรต้องกินอาหารที่ดี มีประโยชน์ครบ5หมู่ ไม่ควรกินอาหารขยะ อาหารรสจัด เค็มจัด หรือ กินอาหารที่มีสารเคมีตกค้าง แล้วก็ไม่ควรกินอาหารแล้วไปนอนทันที ยิ่งโดยเฉพาะคนเป็นโรคกระเพาะหรือโรคกรดไหลย้อนอย่ากินแล้วนอนทันที ไม่เช่นนั้นแล้วคุณจะมีปัญหาแสบกลางอก จุกระหว่างไปซ้อมวิ่ง 3. นักวิ่งก็ต้องดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอทั้งในวันซ้อมและวันพัก เพียงพอนี้หมายถึงน้ำ1.5ลิตรขึ้นไป ปัสสาวะเราควรมีสีขาวใส ไม่ใช่เหลืองขุ่น อย่างไรก็ดี คนที่เสี่ยงกับโรคไตควรปรึกษาหมอเรื่องการดื่มน้ำด้วย ส่วนน้ำอัดลม น้ำหวาน น้ำเกลือแร่หวานๆ ควรหลีกเลี่ยงดีกว่า 4. การเปลี่ยนอิริยาบถการออกกำลังกาย (cross training) เพื่อเป็นการผ่อนคลาย และยังคงรักษาระดับความฟิตของร่างกายและการหายใจ เช่น ไปปั่นจักรยานบ้าง ว่ายน้ำบ้าง เล่นเวทบ้าง จำเป็นต้องมีวินัยกับเรื่องนี้บ้างเหมือนกันนะ เพราะการวิ่งไม่ได้ใช้แค่เท้าและขา เพราะใช้กล้ามเนื้อทุกส่วนทั่วร่างกาย 5. ในการฝึกซ้อมวิ่ง ก็ต้องมีวินัยกับการยืดเหยียดเพื่ออบอุ่นร่างกาย (dynamic stretching), การอบอุ่นร่างกาย (warm-up), การซ้อมดริลและสไตร์ท (active drill and stride) ก่อนออกไปวิ่งเสมอ วิ่งเสร็จก็ต้องมีวินัยกับการลดอุณหภูมิของร่างกาย (cool down) และยืดเหยียดเพื่อลดความเมื่อยล้าหรือบาดเจ็บ (static stretching) ก่อนจะไปอาบน้ำหรือกินข้าว 6.ในวันที่บาดเจ็บ ปวดเมื่อย ก็ต้องมีวินัยกับการนวดและการกายภาพบำบัด ศึกษาการนวดแบบไหนที่เหมาะกับอาการของเรา หรือกายภาพท่าไหนที่ต้องทำ หรือบางทีก็อาจจะไปพบกับนักกายภาพโดยตรงก็จะมีประโยชน์อย่างมาก 7. การฝึกขับถ่ายเป็นเวลา เรื่องนี้ก็ต้องมีวินัย ทุกเช้าควรนั่งส้วมให้ตรงเวลา แล้วร่างกายเราจะปรับตัวให้พร้อมกับการขับถ่ายในทุกๆวัน 8. การรู้จักเตรียมข้าวของก่อนล่วงหน้าก่อนจะไปซ้อมวิ่งตอนเช้าหรือไปร่วมงานวิ่ง ก็ต้องมีวินัยเช่นกันว่าต้องทำก่อนไปนอนทุกครั้ง เช้าวันรุ่งขึ้นจะได้ไม่ต้องพะวงลืม 9. ฝึกมีวินัยกับการปล่อยวางความคิดความกังวลทั้งหลาย อาจเป็นเรื่องที่ยาก แต่ก็ต้องฝึกมีวินัยกับเรื่องนี้เพื่อลดความฟุ้งระหว่างวิ่ง เพราะอาจทำให้ก้าวขาพลาด จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องฝึกมีสติและทันความคิดกันอยู่เรื่อยๆนั่นเองวิ่งได้ไม่ยาก กายพร้อม ใจพร้อม และเลือกรองเท้าวิ่งดีๆจาก sportlifeonline
Categories:
บทความน่ารู้, รวมบทความ
วิ่งได้ไม่ยาก กายพร้อม ใจพร้อม และเลือกรองเท้าวิ่งดีๆจาก sportlifeonline
การวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ดี มีการศึกษาวิจัยเรื่องวิ่งกันมานานแล้ว แต่ผลการศึกษาต่างๆโดยนักวิชาการบ่งชี้ข้อมูลที่น่าทึ่งว่า การวิ่งไม่จำเป็นต้องทำมากก็มีผลดีต่อสุขภาพ ถ้าหลายคนทราบข้อมูลที่จะนำเสนอในบทความนี้ต้องสรุปได้แน่ว่า การวิ่งเป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย วิ่งได้ไม่ยาก เพราะที่จริงแล้วเราสามารถประยุกต์เอาการวิ่งเข้าไปเสริมกับการออกกำลังกายที่ทำอยู่เป็นประจำได้ เช่น เต้นแอโรบิก ขี่จักรยาน โยคะ รำมวยจีน ฯลฯ แล้วเพิ่มจ๊อกกิ้งเข้าไปด้วยในแต่ละสัปดาห์หรือทำสลับกันไปก็จะเป็นการดีที่จะช่วยลดการบาดเจ็บจากการออกกำลังกายเพราะไม่ได้ทำอย่างเดียวซ้ำๆ ทุกวันสาระน่ารู้เรื่องการวิ่ง
แผนกสุขภาพและบริการของสหรัฐอเมริกา (Health and Human Services) แนะนำว่า ในคนที่สุขภาพดีไม่มีโรคร่วม เช่น โรคหัวใจ ข้อเข่าเสื่อม ควรออกกำลังกายแบบแอโรบิกอย่างเบาๆ เช่น เดินเร็ว 150 นาทีต่อสัปดาห์ หรือ 30 นาทีต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ อีกทางเลือกหนึ่งคือการออกกำลังกายแบบแอโรบิกอย่างหนักๆ เช่น วิ่ง 75 นาทีต่อสัปดาห์ หรือ 15 นาทีต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ และถ้าสารมารถออกกำลังกายในลักษณะดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ก็จะยิ่งมีผลดีต่อสุขภาพเพิ่มขึ้น ประกอบกับเทรนด์การออกกำลังกายด้วยการวิ่งกำลังมาแรง ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไม่ว่าจะไปตามสวนสาธารณะไหนก็มักจะเห็นคนไปวิ่งเพื่อออกกำลังกายแทบทั้งนั้น แต่อยากจะบอกว่าการออกกำลังกายด้วยการวิ่งนั้นไม่ใช่แค่สวมรองเท้าแล้วออกวิ่งเท่านั้น เพราะการวิ่งที่ดีนั้นจะต้องมีการวอร์มอัพก่อนวิ่ง และการคูลดาวน์หลังการวิ่งอีกด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้กล้ามเนื้อเกิดการบาดเจ็บ วันนี้เรามีความรู้เรื่องการวอร์มอัพอย่างถูกวิธีมาบอกกันการวอร์มร่างกายก่อนวิ่ง
ความสำคัญของการอบอุ่นร่างกายก่อน (warm up) และหลัง (cool down) การวิ่ง คือ ร่างกายเราที่อยู่ในสภาวะปกติมีการเคลื่อนไหวอยู่แล้ว ร่างกายเราคุ้นชินและเคยชินกับการทำงานแบบนั้น เมื่อมีการออกกำลังกายไม่ว่าจะเป็นทั้งกล้ามเนื้อ หัวใจ ปอด กระดูก เส้นเอ็น หรือข้อต่อต่าง ๆ จะมีการใช้งานมากกว่าภาวะเคลื่อนไหวปกติ เราจึงจำเป็นต้องกระตุ้นร่างกายเพื่อให้เตรียมรับภาวะที่หนักกว่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบกล้ามเนื้อกับระบบหัวใจ การเคลื่อนไหวของร่างกายต้องผสมผสานกับอวัยวะทุกส่วน ถ้าเราเตรียมพร้อมให้อวัยวะทุกส่วนได้รับการกระตุ้นพร้อมที่จะทำงานแล้วจะมีผลดีต่อการวิ่ง หลักการที่จะเน้นคือ อวัยวะที่ใกล้เคียงกับหัวใจ โดยเริ่มจากศีรษะ คอ หัวไหล่ แขน ลำตัว เข่า และข้อเท้าตามลำดับ หลังจากนั้นเป็นการยืดเหยียดร่างกาย ซึ่งเราก็เคยทำกันมาแล้วทั้งสิ้นตอนเรียนประถมหรือมัธยม นั่นก็สามารถนำมาใช้ได้การคูลดาวน์ก็เป็นสิ่งที่ควรจะทำอย่างยิ่ง เพราะในขณะที่เรากำลังกายออกกำลังกาย ร่างกายมีการทำงานเกินกว่าภาวะปกติ ไม่ว่าจะเป็นระบบไหลเวียนของเลือด อัตราการเต้นของหัวใจที่สูงขึ้น การทำงานของปอด ปฏิกิริยาเคมีในร่างกายที่เกี่ยวข้องกับการเผาผลาญสารอาหาร เพื่อสร้างเป็นพลังงาน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นของตกค้าง ที่เราเรียกว่า กรดแลกติก ซึ่งสะสมในกล้ามเนื้อของเรา ถ้าสะสมเกิน 2 ชั่วโมง จะมีฤทธิ์ในการทำลายเส้นใยกล้ามเนื้อ ซึ่งนักวิ่งระยะไกลต้องมีสิ่งเหล่านี้ตกค้าง ถ้าปล่อยให้ผ่านพ้นไปอีกวันจะทำให้กล้ามเนื้อบอบช้ำ การคูลดาวน์เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ จะขจัดกรดแลกติกได้ส่วนหนึ่ง ทำให้อาการเมื่อยล้าของนักวิ่งมีน้อยลง การออกกำลังกายให้ได้ผล หรือมีประสิทธิภาพที่ดี ควรประกอบด้วย ความแข็งแรง การยืดหยุ่นที่ดี ความสัมพันธ์ของการเคลื่อนไหวอวัยวะส่วนต่าง ๆ หรือความอดทน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นองค์ประกอบที่ดี ซึ่งการ วอร์มอัพ และคูลดาวน์ เป็นส่วนเสริมสร้างสมรรถภาพให้ร่างกายมีการเคลื่อนไหวที่มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นนอกจากการวอร์มร่างกายที่จะเป็นตัวช่วยสำคัญในการเพิ่มแรงให้กับร่างกายแล้ว อาหารก็มีส่วนด้วยเช่นกัน ก่อนออกกำลังกาย ควรเติมพลังงานร่างกายให้พร้อม แนะนำอาหารประเภทผลไม้ แอปเปิ้ล ขนมปังปิ้ง ขนมปังโฮลวีต แครกเกอร์ ซึ่งเป็นอาหารที่ใช้เวลาย่อยเร็ว นอกจากอาหารแล้ว การดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน เช่น กาแฟ ในปริมาณที่พอเหมาะ ก็สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกายได้อีกด้วย
สำหรับคนที่ไม่เคยวิ่งมาก่อน แต่สนใจการวิ่งออกกำลังกาย ควรปฏิบัติดังนี้
• ถ้าอายุมาก มีโรคร่วม และไม่เคยเล่นกีฬาอย่างอื่นมาก่อน ควรปรึกษาแพทย์ก่อน • ควรซื้อรองเท้าวิ่งสักคู่ เพื่อป้องกันการบาดเจ็บของเท้า เลือกชุดวิ่งที่หลวมสบายไม่คับ และโปร่งบางเพื่อให้ระบายความร้อนได้ดี ไม่แนะนำให้ใส่ชุดวอร์ม เพราะนั่นเหมาะสำหรับประเทศหนาว • ควรเริ่มต้นด้วยการเดินให้เกิดความฟิตของเขา เดินจากช้าไปเร็ว จนเกิดความฟิตแล้วจึงค่อยๆ เพิ่มการวิ่งเข้าไปจนเกิดความฟิต คือ ไม่เหนื่อยหอบ แล้วจึงเพิ่มความเร็วตามต้องการ ต้องใช้เวลา อย่ารีบเร่ง ซึ่งอาจจะมีผลเสียต่อสุขภาพ ขณะวิ่งไม่ควรเหนื่อยหอบ ควรจะสนทนากับเพื่อนได้ • เวลาวิ่งเมื่อก่อนมีคำแนะนำให้ลงน้ำหนักที่ส้นเท้า แต่ปัจจุบันแนะนำให้ลงน้ำหนักที่ปลายเท้าทางด้านนิ้วก้อย แล้วโยกไปทางหัวแม่เท้า แล้วไปลงสู่ส้นเท้า วิธีนี้จะไม่กระแทกข้อเข่ามากเท่ากับวิธีเดิม • บางคนกลัวข้อเข่าเสื่อมเสียหายจากการวิ่ง ถ้าเราทำไม่มากความเสียหายก็เกิดน้อย ถ้าไม่ทำเลยจะเสียหายต่อสุขภาพมากกว่าสร้างเสริมสุขภาพดีด้วย การวิ่ง กายแข็งแรง หัวใจที่เบิกบาน
Sportlifeonline สนับสนุนให้ทุกคนวิ่งออกกำลังกายในช่วงเย็น
มนุษย์ทุกคนจะมีสุขภาพดีได้ก็ต้องออกกำลังกาย และอีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญที่เราคุ้นเคยก็คือ การวิ่ง แน่นอนว่าเราวิ่งกันตั้งแต่เด็กจนโตเป็นผู้ใหญ่ เพราะยิ่งวิ่งสุขภาพก็ยิ่งแข็งแรง ร่างกายกระปรี้กระเปร่าจิตใจเบิกบาน ควบคู่ไปกับการพักผ่อนที่เพียงพอและการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ด้วย แต่ในปัจจุบันผู้คนรีบเร่งและใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการเดินทางไปทำงาน จึงทำให้สถิติการวิ่งออกกำลังกายลดลง ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตเสียใหม่เพื่อสุขภาพที่ดีในวันนี้และอนาคตระยะเวลาที่เหมาะสม ในการวิ่งออกกำลังกาย
การวิ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายอย่างแล้วยังส่งผลถึงประสิทธิภาพของ หัวใจ กล้ามเนื้อ ปอด ที่จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทั่วไปถ้าหากเราได้วิ่งออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3- 5 วัน ก็ถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีสุขภาพที่ดีแน่นอนดังนั้นถ้าคุณวิ่งวันละ 30 นาทีอยู่แล้วลองเพิ่มเวลาอีกเล็กน้อยก็จะรู้สึกว่าฟิตขึ้นอีก หรือถ้าคุณวิ่งอยู่แล้ววันละ 20 นาทีทุกวัน ก็ลองเปลี่ยนเป็น 40 นาที วันเว้นวัน จะได้ผลดีกว่ามากแต่ต้องรักษาระดับการวิ่งให้คงเดิมข้อแนะนำสำหรับการวิ่งที่เป็นประโยชน์
1. หากคุณไม่เคยออกกำลังกายด้วยการวิ่งมาก่อน หรือเพิ่งเริ่มวิ่งได้ไม่นานนัก ควรเริ่มวิ่งเบาๆลดแรงกระแทกไม่ลงน้ำหนักจนเต็มเท้า ยิ่งหากเป็นผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก การวิ่งกระแทกพื้นแรงๆ เร็วๆ อาจส่งผลให้เกิดอาการบาดเจ็บได้มากกว่าคนที่มีน้ำหนักปกติ 2. ประโยชน์ของการวิ่งเหมือนกับการเดินซึ่งมีผลดีต่อสุขภาพกาย หัวใจ กล้ามเนื้อแข็งแรง ลดความเครียด และยังมีผลป้องกันโรคกระดูกพรุน โรคหัวใจ 3. การวิ่งจะเผาผลาญพลังงานมากกว่าการเดิน เช่น คนที่มีน้ำหนัก 70 กิโลกรัมจะใช้พลังงานไป 12.5 กิโลแคลอรีทุกหนึ่งนาทีที่วิ่ง คนที่น้ำหนักมากจะใช้พลังงานในการวิ่งมากกว่าน้ำหนักน้อย 4. น้ำหนักของขาที่เราส่งแรงไปที่เท้า แล้วกระแทกกับพื้นขณะที่เรากำลังวิ่งเร็วแบบเต็มสปีดจะใช้แรงกระแทกจากขาลงพื้นมากกว่าการวิ่งแบบจ๊อกกิ้ง, เดินเร็ว หรือเดินตามปกติ โดยแรงกระแทกจะค่อยๆลดลงตามลำดับ ฉะนั้นการที่กระดูกขาต้องรับแรงกระแทกทุกวันๆจากการวิ่งเร็ว อาจส่งผลให้ขามีอาการบาดเจ็บได้ โดยอาจจะเป็นในเรื่องของกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อ หรือกระดูกข้อแนะนำในการวิ่ง
• อบอุ่นร่างกาย ( warm up )โดยการเดินเร็วๆหรือวิ่งช้า หลังจากนั้นจึงทำการยืดกล้ามเนื้อ หลังจากนั้นจึงเริ่มออกวิ่ง • ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าเวลาวิ่งควรจะใช้ส้นเท้าลงก่อนแล้วตามด้วยฝ่าเท้า • เวลาวิ่งอย่าหลังค่อม ให้เหยียดหลังตรง ไหล่จะเอนไปข้างหลังเล็กน้อยแต่เมื่อวิ่งขึ้นที่ชันไหล่จะเอนไปข้างหน้าเล็กน้อย • ให้แกว่งแขนตามธรรมชาติ • อย่ากังวลเกี่ยวกับระยะทางที่วิ่งให้กำหนดระยะเวลา หรือระยะทางที่จะวิ่งและพยายามเพิ่มระยะเวลาโดยทั่วไปแนะนำว่าให้เพิ่มสัปดาห์ละ 10% • ให้เตรียมน้ำเย็นสำหรับดื่มติดตัวไปด้วย • แรกเริ่มวิ่งใหม่ยังไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนรองเท้าและถุงเท้า เมื่อท่านได้วิ่งไป 2-3 สัปดาห์ค่อยซื้อรองเท้าสำหรับการวิ่งและถุงเท้าสำหรับวิ่ง ควรสังเกตว่ามีแผลหรือพองหรือไม่เพื่อจะได้วางแผนการวิ่งที่ถูกต้องการวิ่งอย่างปลอดภัย
• ควรจะวิ่งกับคนที่รู้จัก • ควรจะวิ่งที่ๆคุ้นเคย • อย่าวิ่งคนเดียว • อย่าวิ่งเวลาค่ำ • อย่าวิ่งที่มีการจราจรมาก • ใส่เสื้อสีสว่างเพื่อให้เห็นได้ง่าย • อาจจะพกนกหวีดเพื่อขอความช่วยเหลือการวิ่งส่งผลต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง
1. ช่วยควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้อ้วนขึ้นและรักษาระดับของน้ำหนักไว้ เมื่อเริ่มออกกำลังกายร่างกายก็เกิดการเผาผลาญแคลอรี่ยิ่งวิ่งก็ยิ่งเผาผลาญได้มากขึ้น 2. ช่วยต้านทานปัญหาสุขภาพและโรคภัยต่างๆ ไม่ว่าคุณจะมีน้ำหนักตัวมากแค่ไหน แค่กระตือรือร้นเข้าไว้ก็จะช่วยกระตุ้น Lipoprotein (HDL) ที่มีความเข้มข้นสูงได้แล้ว ซึ่ง HDL นี้เป็นไขมันที่ดีช่วยลดคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ได้ 3. การวิ่งอย่างสม่ำเสมอช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพได้ เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวาน โรคซึมเศร้า โรคมะเร็ง และโรคไขข้ออักเสบ 4. ทำให้อารมณ์ดี ควรไปออกกำลังกายในยิมวิ่งบนลุ่ วิ่งจ้อกกิ้งหรือเดินเล่นสัก 30 นาที ร่างกายจะช่วยกระตุ้นสารเคมีในสมอง ซึ่งช่วยให้คุณรู้สึกมีความสุขมากขึ้นและผ่อนคลายมากขึ้น 5. เมื่อได้ออกกำลังกายเป็นประจำ หุ่นเฟิร์มสุขภาพดี เพิ่มความมั่นใจของคุณให้มากขึ้นตามไปด้วย 6. ช่วยส่งออกซิเจนและสารอาหารต่างๆ ไปยังเนื้อเยื่อและช่วยให้ระบบสูบฉีดเลือดจากหัวใจและของหลอดเลือดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเมื่อหัวใจและปอดทำงานได้ดี 7. ช่วยให้หลับได้ดีขึ้น การวิ่งออกกำลังกายเป็นประจำช่วยให้คุณนอนหลับได้ง่ายและหลับสนิทขึ้น แค่อย่าออกกำลังกายในช่วงที่ใกล้เวลานอนมากเกินไป ร่างกายจะได้ไม่ตื่นตัวมากเกินไปเมื่อถึงเวลาเข้านอน 8. การออกกำลังกายเป็นประจำช่วยยกระดับความตื่นตัวทางเพศในผู้หญิง และในเพศชายด้วย 9. ช่วยให้มีสังคมที่กว้างขึ้น ในการออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมต่างๆ นั้นทำให้คุณมีความสุข เพิ่มโอกาสในการผ่อนคลาย ได้สนุกไปกับกิจกรรมกลางแจ้งหรือกิจกรรมต่างๆ ทั้งยังช่วยให้คุณได้มีกิจกรรมร่วมกับครอบครัวหรือเพื่อนฝูงด้วยเทคนิคการเลือกรองเท้าวิ่ง
Categories:
บทความน่ารู้, บทความรีวิว, รวมบทความ