ความแตกต่างที่ลงตัว ของ รองเท้าวิ่งกับรองเท้าธรรมดา sportlifeonline สนับสนุนให้ทุกคนใส่ใจเรื่องรองเท้ามากขึ้น
Categories:
บทความน่ารู้, บทความรีวิว, รวมบทความ
ความแตกต่างที่ลงตัว ของ รองเท้าวิ่งกับรองเท้าธรรมดา sportlifeonline สนับสนุนให้ทุกคนใส่ใจเรื่องรองเท้ามากขึ้น
รองเท้าแต่ละประเภทออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่ต่างกัน แต่มีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ การป้องกันเท้าของเราจากสิ่งแปดเปื้อน และกันการบาดเจ็บแก่เท้า เพราะ รองเท้าถือเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน แต่ละคนมีรองเท้าหลากหลายคู่เพื่อใช้ในโอกาสและกาลเทศะต่างๆ รองเท้าทำจากวัสดุต่างๆ เช่น ทำจากพืช หนังสัตว์ เช่น หนังวัว หนังควาย นอกจากนี้ยังมีรองเท้าที่ทำจากพลาสติก ไฟเบอร์ และอื่นๆ ซึ่งหัวข้อประเด็นหลักที่จะหยิบยกมาในครั้งนี้คือ ลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันของ รองเท้าวิ่งกับรองเท้าธรรมดา รองเท้าธรรมดาที่ใส่อยู่บ้านปกติและรองเท้าวิ่งที่ใส่ในกิจกรรมออกกำลังกายและมีคุณสมบัติพิเศษกว่ารองเท้าธรรมดาเพราะฉะนั้นรองเท้าวิ่งย่อมไม่ธรรมดา สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับรองเท้าวิ่งที่มีคุณภาพเยี่ยมคือ ต้องมีพื้นรองเท้าที่ดี โดยใช้วัสดุที่ทำให้แรงกระแทกกระจายได้ทั่วถึงกัน ต้องมีการกระจายแรงหลังจากลงด้วยส้นแล้วถ่ายไปที่ฝ่าเท้าปลายเท้าต้องดี และควรจะเป็นพื้นแข็งเท่ากันตลอดทั้งรองเท้า
สำหรับผู้ที่กำลังเริ่มจะวิ่ง ควรใส่ใจกับการเลือกซื้อรองเท้าวิ่งที่ได้มาตรฐานเป็นอันดับแรก สิ่งที่น่าเป็นห่วงในปัจจุบันนักวิ่งบางคนมักใส่รองเท้าผ้าใบธรรมดาหรือรองเท้าสำหรับใส่ออกกำลังทั่วๆไปในการวิ่ง ซึ่งในความเป็นจริงนั้น การใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะกับการวิ่งอาจทำให้เท้าเจ็บหรือทำให้วิ่งได้ไม่เต็มที่ เพราะรองเท้าเหล่านั้นไม่ได้ถูกออกแบบมาให้รองรับแรงกระแทก ยิ่งสวมใส่นานยิ่งเมื่อยเพราะไม่รองรับน้ำหนักตัวนั่นเอง ฉะนั้นสิ่งที่ต้องคำนึงในการเลือกรองเท้าวิ่ง ดังต่อไปนี้ 1. ใส่ใจเรื่องน้ำหนักของรองเท้า ถ้ารองเท้าหนักๆ อาจจะทำให้คุณวิ่งช้าลงไปด้วย ดังนั้นจึงควรเลือกรองเท้าที่มีน้ำหนักพอดีไม่หนักเกินไป แล้วคอยหมั่นเช็คดูว่ารองเท้าชำรุดบ้างหรือเปล่า เพราะถ้ารองเท้าผิดรูปจะทำให้เสี่ยงต่อการบาดเจ็บที่เท้าได้ง่าย 2. วัสดุที่หุ้มรองเท้า ซึ่งไม่ควรเป็นวัสดุที่แลดูแข็งจนเกินไป เพราะถ้าแข็งมาก ๆ จะเกิดการเสียดสี ทำให้ผิวหนังของคุณเกิดการพุพองได้ และรองเท้าวิ่งที่ดีจะต้องระบายความร้อนได้ดีเช่นกัน 3. เลือกรองเท้าให้เหมาะกับฝ่าเท้า หากเป็นคนเท้าแบนคือเวลาวิ่งจะใช้เท้าด้านในเป็นหลัก เป็นผลให้ตอนวิ่งแล้วเลี้ยวอาจจะทำให้ล้มได้ง่ายกว่าคนที่มีฝ่าเท้าแบบอื่นๆ ดังนั้นควรเลือกซื้อรองเท้าวิ่งในกลุ่มที่เขียนว่า "Motion Control" หรือคำว่า "Stability" หรือหากคุณเป็นคนที่เท้ามีส่วนโค้งส่วนเว้าค่อนข้างมาก ให้เลือกซื้อรองเท้าที่มีคำสำคัญเขียนว่า "Flexible" หรือ "Cushioned" 4. ตรวจดูพื้นส้นรองเท้า ต้องมีลักษณะกลมเพราะส้นเท้าเรากลม ถ้ารองรับไม่ดีอาจเกิดการบาดเจ็บได้ 5. พื้นรองเท้าชั้นในที่รองรับฝ่าเท้าควรนิ่มและยืดหยุ่นและมีส่วนนูนรับอุ้งเท้า เพื่อให้พอดี ส่วนพื้นรองเท้าบริเวณส้นเท้าอาจเฉียงขึ้นเล็กน้อย เพื่อทำให้เคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วขณะวิ่ง 6. ส้นรองเท้าวิ่งที่ดีควรมีส้นสูงเล็กน้อย เพื่อแบ่งเบาการทำงานของเอ็นร้อยหวายและกล้ามเนื้อต้นขาสาระน่ารู้เกี่ยวกับรองเท้าแบบต่างๆ
- รองเท้านักฟุตบอล คือต้องมีปุ่มแหลมที่รองเท้าเพื่อการยึดเกาะและกันลื่นล้ม - รองเท้านักวิ่ง มีปุ่มกลมที่พื้นรองเท้าช่วยในการออกตัวและเร่งจังหวะความเร็ว - รองเท้านักบาสเก็ตบอล ต้องใส่รองเท้าที่พื้นไม่ลื่นและหุ้มข้อเพื่อป้องกันการกระแทกและข้อเท้าแพลง - รองเท้านักโบว์ลิ่ง ต้องใส่รองเท้าที่สไลด์ตัวไถลไปข้างหน้าได้ดี เวลาโยนลูก - รองเท้านักปีนเขา ต้องใส่รองเท้าที่เกาะเกี่ยวได้ง่ายและทนทาน - สำหรับผู้สูงอายุ ต้องใส่ใจ พิถีพิถันกับรองเท้ามากเป็นพิเศษ เพราะผู้สูงอายุมักมีปัญหาเรื่องการทรงตัว หกล้มง่าย รองเท้าที่ดีสำหรับผู้สูงอายุ คือ เป็นรองเท้าที่มีส้นเตี้ย ขอบมน ควรเป็นพื้นดอกยาง เพื่อป้องกันการลื่น และควรมีหน้ากว้าง เพื่อทำให้นิ้วเท้าเคลื่อนไหวได้สะดวก ส่วนพื้นรองเท้าด้านหน้าควรเชิดขึ้นจากพื้นเล็กน้อย เพื่อให้เดินได้มั่นคง และป้องกันการสะดุดเท้าตนเอง ในกรณีผู้สูงอายุต้องเดินทาง ควรใส่รองเท้าที่หุ้มส้นและข้อเท้าที่มั่นคง เพื่อเป็นการพยุงข้อเท้า ทำให้ทรงตัวดีขึ้น - รองเท้าผ้าใบเป็นอะไรที่ Back to basic และถนอมเท้าเราได้ดีเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าผ้าใบแบบ Slip-on, sneaker หรือ sneaker หุ้มข้อดีไซด์สตรีทแฟชั่น ก็สามารถนำมา Mix and match กับเสื้อผ้าที่สวมใส่ได้ไม่ยากข้อควรระวังในการใส่รองเท้า
- การเลือกรองเท้าใส่ขับรถ ควรเป็นรองเท้าที่สวมใส่ได้มั่นคง ไม่หลุดง่าย พื้นไม่ลื่น เคยมีกรณีรองเท้าส้นสูงผู้หญิงหลุดไปติดคาคันเบรค ทำให้เกิดอุบัติเหตุรถชน รองเท้ายางที่พื้นลื่นๆ อาจไถลลื่นออกจากแป้นเบรคได้ ทำให้เสียจังหวะการเบรครถ เกิดอุบัติเหตุตามมา - รองเท้ากัด มักเป็นรองเท้าใหม่ที่หนังยังด้านแข็ง แก้ไขโดยใช้วาสลีนทา หรือใช้ปลาสเตอร์ปิดทับขอบหลังที่หนาด้านแข็งของขอบรองเท้า - หากคุณเป็นผู้ที่เล่นกีฬาอยู่เป็นประจำ ควรจะต้องมีรองเท้ามากกว่า 1 คู่ใส่สลับกันบ้าง ยิ่งการเล่นกีฬาที่ใช้เวลานานติดต่อกันหากใส่ซ้ำๆ กันทุกวัน รองเท้าก็จะเสื่อมสภาพง่าย และเก่าเร็วกว่าที่ควร ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการช่วยถนอมอายุการใช้งานรองเท้าให้ยาวนานมากขึ้นวิธีทำความสะอาดรองเท้าวิ่ง สะอาดสุด ยืดอายุการใช้งาน ตามแบบฉบับของ sportlifeonline
Categories:
บทความน่ารู้, บทความรีวิว, รวมบทความ
วิธีทำความสะอาดรองเท้าวิ่ง สะอาดสุด ยืดอายุการใช้งาน ตามแบบฉบับของ sportlifeonline
รองเท้าวิ่งถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักวิ่งทุกคน แม้ในยุคปัจจุบันเราสามารถจะเลือกใส่รองเท้าที่มีมาตรฐานทั้งการการออกแบบรวมถึงกระบวนการผลิตที่ยอดเยี่ยมได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เราควรใส่ใจมากที่สุดนั่นคือการทำความสะอาดรองเท้าคู่โปรดที่ใส่อยู่เป็นประจำ ทั้งนี้ก็เพื่อสุขลักษณะที่ดีในการใช้ครั้งต่อไปและเพื่อยืดอายุการใช้งานของรองเท้าด้วย ฉะนั้นเราจึงควรต้องรู้จักวิธีการที่ถูกต้องในการดูแลรักษารองเท้าวิ่งของเรา ซึ่งทาง sportlifeonline มี วิธีทำความสะอาดรองเท้าวิ่ง มาฝากทุกท่านดังนี้ครับวิธีทำความสะอาดรองเท้าวิ่งเบื้องต้น
1. หากคุณเป็นผู้ที่เล่นกีฬาอยู่เป็นประจำ ควรจะต้องมีรองเท้ามากกว่า 1 คู่ใส่สลับกันบ้าง ยิ่งการเล่นกีฬาที่ใช้เวลานานติดต่อกันหากใส่ซ้ำๆ กันทุกวัน รองเท้าก็จะเสื่อมสภาพง่าย และเก่าเร็วกว่าที่ควร ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการช่วยถนอมอายุการใช้งานรองเท้าให้ยาวนานมากขึ้นนั่นเอง 2. ไม่ควรซักรองเท้าวิ่งบ่อยจนเกินไป เพราะจะทำให้กาวของรองเท้าเสื่อมได้ สำหรับผู้ที่ต้องการจะซักให้ถอดเชือกรองเท้าออกก่อน แล้วเอาน้ำใส่กะละมังใส่ผงซักฟอกเพียงเล็กน้อย จากนั้นนำรองเท้ากีฬาลงไปซัก โดยใช้แปรงที่มีขนนิ่มๆขัดถูเบาๆก็พอแล้ว ยกเว้นแต่ในกรณีที่ไปวิ่งลุยโคลนหรือมีคราบสกปรกฝังแน่นแบบซักไม่ออก ก็ให้ใช้ผ้าขนหนูมาชุบกับน้ำยาแอมโมเนียมาเช็ดที่บริเวณรอยที่เปื้อน หรืออาจต้องแช่ทิ้งไว้ 15-30 นาที แล้วค่อยเอาแปรงขัดคราบดินหรือโคลนออกให้หมดก่อน พอเห็นว่ารองเท้าสะอาดดีแล้ว ก็เอาไปวางไว้ในที่ร่มมีลมผ่าน 3. ในกรณีที่มีพื้นรองเท้า ก่อนซักให้ถอดเอาแผ่นรองเท้าไปซักในผงซักฟอกปกติ ส่วนตัวรองเท้าให้นำไปผึ่งลมควรหลีกเลี่ยงการเอาไปตากแดดที่แรงๆ เพราะอาจจะทำให้กาวที่ติดรองเท้าเสื่อม สำหรับในการแยกซักระหว่างแผ่นรองพื้นด้านรองเท้านี้จะต้องเป็นรุ่นที่สามารถแกะออกได้เท่านั้น อย่าซักรวมกันเพราะจะทำให้สะอาดได้ไม่ทั่วถึงและมีกลิ่นอับ โดยการทำแยกซักนี้จะช่วยให้พื้นด้านในรองเท้าดูไม่เก่าเร็วเกินไปรวมถึงเชือกผูกรองเท้าด้วย 4. หากไม่อยากลงมือซักด้วยตัวเอง ก็เอาไปซักในเครื่องซักผ้าได้เช่นเดียวกัน โดยเอาเชือกที่ผูกรองเท้าออกก่อน จากนั้นทำการซักโดยใส่ถุงผ้าแล้วปิดปากถุงให้แน่นแล้วค่อยเอาลงไปซัก แต่วิธีนี้อาจจะทำความสะอาดได้ไม่ดีเท่ากับการซักด้วยมือ 5. อีกหนึ่งวิธีการทำความสะอาดรองเท้ากีฬาพร้อมทั้งดับกลิ่นเหงื่ออุปกรณ์กีฬาต่างๆนั้น เราสามารถโรยเบกกิ้งโซดาลงเข้าไปข้างในแล้วทิ้งไว้เพื่อดับกลิ่นอับได้ แต่ถ้าต้องการทำความสะอาดคราบต่าง ๆ ก็แค่ผสมเบกกิ้งโซดากับน้ำเปล่าให้เป็นเนื้อสครับ นำมาขัดคราบทำความสะอาดรองเท้าและอุปกรณ์กีฬาต่างๆได้เลย 6. น้ำยาล้างจานในครัวก็สามารถนำมาทำความสะอาดรองเท้าคู่โปรดของคุณได้เช่นกัน โดยใช้ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำประมาณครึ่งแก้วผสมกันพอลื่นแล้วนำแปรงสีฟันเก่าจุ่มแล้วขัดเบาๆไปที่บริเวณตัวรองเท้าให้คราบสกปรกหลุดออก ขั้นตอนสุดท้ายใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดฟองและสิ่งคราบออกจนสะอาด 7. ควรตากรองเท้าไว้ให้แห้งตามธรรมชาติ ห้ามวางใกล้อุปกรณ์ทำความร้อน เพราะรองเท้าอาจจะเสียรูปทรงจากการได้รับความร้อนโดยตรง สำหรับรูปแบบในการตาก ให้เปิดลิ้นรองเท้าออกมาแล้วยัดกระดาษพวกหนังสือพิมพ์เข้าไป เพื่อให้ดูดซับความชื้นด้านในรองเท้า จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 12 ชั่วโมงให้แห้ง ซึ่งก็ถือเป็นระยะเวลาปกติในการตากรองเท้าข้อแนะนำการดูแลรองเท้าเบื้องต้น
ขอแนะนำคุณลูกค้าทุกท่านกับวิธีการทำความสะอาดและดูแลรองเท้าคู่เก่งของคุณกันเพื่อที่จะได้ช่วยยืดอายุของรองเท้าของคุณให้สามารถใช้ไปได้นานๆ ดังนี้
1. ทำความสะอาดรองเท้าทุกครั้งหลังจากการสวมใส่และพ่นสเปรย์รักษารองเท้าตามชนิดของวัสดุที่ใช้ทำรองเท้า 2. จัดเก็บรองเท้าในตู้เก็บหรือกล่องพลาสติกใสเพื่อกันฝุ่นและควรอยู่ในอุณหภูมิห้อง โดยวางรองเท้าไว้ให้ไกลจากเครื่องทำความอุ่น อาจยัดกระดาษเข้าไปในรองเท้าเพื่อให้กระดาษช่วยดูดซับความชื้นได้บ้าง แนะนำว่าเก็บรองเท้าของตัวเองไว้ในกล่องพลาสติกหรือกระดาษที่เจาะรูไว้เพื่อระบายอากาศ เพื่อป้องกันไม่ให้รองเท้าอับมาก และไม่ควรจัดเก็บรองเท้าไว้ที่หลังรถเพราะความร้อนอาจทำให้รองเท้าเสียหาย พื้นรองเท้าละลาย ยางละลายได้ 3. ใช้ที่ใส่รองเท้าช่วยในการสวมเข้าไปทุกครั้งเพื่อช่วยไม่ให้บริเวณส้นเท้าเสียรูปทรง 4. ห้ามเหยียบบริเวณส้นเท้าเวลาถอดรองเท้า เพื่อช่วยลดการเสียรูปทรง 5. ห้ามดึงบริเวณที่เป็นส่วนประกอบต่างๆที่เป็นรอยต่อรองเท้า แผ่นยาง หรือสิ่งประดับอย่างอื่น ในขณะทำการสวมใส่รองเท้า 6. หากรองเท้ามีกลิ่นเหม็นอับ ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าของหนุ่มสาวให้นำถุงเล็กๆ คล้ายถุงชา บรรจุถ่านไม้สีดำ บดละเอียดใส่เข้าไปในรองเท้า เพื่อให้ดูดกลิ่นอับในรองเท้า 7. อย่าปล่อยให้รองเท้าเปียกชื้นค้างคืนเพราะมันจะบ่มเพาะเชื้อรา แบคทีเรีย และสร้างกลิ่นเหม็นๆ ไม่พึงประสงค์ขึ้นมา แต่ถ้าเป็นรองเท้าที่กันน้ำได้ด้วยก็ยิ่งดีเพราะดูแลรักษาได้ง่ายกว่ารองเท้าวิ่ง ควรเป็นแบบไหน? คลิก Sportlifeonline.com ได้คำตอบที่ถูกใจ กับรองเท้าที่ต้องการ
Categories:
บทความน่ารู้, บทความรีวิว, รวมบทความ
รองเท้าวิ่งควรเป็นแบบไหน? คลิก Sportlifeonline.com ได้คำตอบที่ถูกใจ กับรองเท้าที่ต้องการ
การวิ่งถือเป็นการออกกำลังกายที่สะดวกและง่ายอย่างหนึ่ง เพียงแค่มี รองเท้าวิ่ง ดีๆสักครู่พร้อมกับพลังใจที่จะไปออกกำลังกาย แค่นี้คุณก็สามารถเรียกเหงื่อได้แล้ว แต่คุณผู้อ่านเชื่อไหมว่านักวิ่งหน้าใหม่หลายๆท่านที่เพิ่งริเริ่มการออกกำลังกายโดยการวิ่งนั้น บางท่านใส่รองเท้าผิดประเภทหรือใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสำหรับการวิ่งจ้อกกิ้งเลย นั่นคือสิ่งที่จะส่งผลเสียต่อสภาพเท้าได้ในอนาคต เพราะรองเท้านั้นจะช่วยป้องกันการบาดเจ็บจากการวิ่งได้ ซึ่งปัจจุบันได้มีการพัฒนาในเรื่องของการออกแบบรูปทรงรวมเท้ารวมถึงเนื้อของรองเท้าที่ช่วยซัพพอตเท้ามากขึ้น เน้นความปลอดภัยของผู้สวมใส่เป็นหลัก โดยมีความอ่อนนิ่มยืดหยุ่นของวัสดุที่ช่วยดูดซับแรงกระแทกต่างๆได้ ฉะนั้นเราจึงควรใส่ใจกับการเลือกรองเท้าดีๆมาใส่วิ่งกันเถอะ ซึ่งทาง Sportlifeonline มีรายละเอียดเพิ่มเติมเชิงสาระเกี่ยวกับลักษณะโดยรวมของรองเท้าวิ่งที่ดีมาฝากทุกท่านดังนี้ลักษณะของรองเท้าวิ่งที่ดี
1. ใส่แล้วมีความพอดีกับเท้า เป็นสิ่งสำคัญสิ่งแรกที่สุดที่ต้องเลือกสวมรองเท้าที่พอดี ไม่แคบ ไม่บีบรัดส่วนใดของเท้า รองเท้าที่ผิดๆ มักจะยาวและแคบทำให้บีบรัดส่วนกว้างที่สุดของฝ่าเท้าและเกิดการบาดเจ็บจากการวิ่งได้ 2. เชือกรัดรองเท้าควรอยู่ตรงกลางและปล่อยส่วนปลายเท้าให้ว่างเว้นไว้ จะดีกว่าใช้เชือกรัดรองเท้ายาวจากปลายมาตลอด ถึงแม้จะปรับความพอดีของรองเท้าได้ แต่เมื่อวิ่งนานๆ หรือระยะไกลการเสียดสีหรือถูไถของเชือกบริเวณปลายเท้าส่วนที่เขย่งเมื่อวิ่งจะทำให้เกิดผิวหนังพุพองได้ 3. ไม่ควรมีส่วนหุ้มส้นเท้าที่ยกสูงขึ้นมา ขณะวิ่งเมื่อเขย่งเท้าโดยข้อเท้ากระดกลงจะทำให้ส่วนที่ยื่นบนหลังส้นเท้านั้นกดที่เอ็นร้อยหวายพอดี หากวิ่งนานๆ จะทำให้เกิดการอักเสบของตัวเอ็นหรือปลอกหุ้มเอ็นของเอ็นร้อยหวายได้ เมื่อมีปัญหาเช่นนี้ให้ตัดออก หรือตลบลงด้านหลัง หรือตัดแยกยออกก็ได้ 4. พื้นส้นเท้าสำหรับนักวิ่งต้องกลม เพราะส้นเท้าเรากลมถ้าไม่ฟิตพอดีทำให้ไม่มีความมั่นคงของส้นเท้าจะเกิดการบาดเจ็บตามมาและเจ็บหลังส้นเท้า พื้นรองเท้าควรแข็งและแน่นเพื่อความมั่นคงของส้นเท้าเช่นกัน 5. พื้นชั้นในที่รองรับฝ่าเท้าควรนิ่มและยืดหยุ่นและมีส่วนนูนรับอุ้งเท้าเพื่อให้ฟิตพอดี พื้นด้านนอกแข็งแต่บริเวณกึ่งกลางควรยืดหยุ่นและหักงอได้ และมีที่ยึดเกาะพื้นได้ดีไม่ราบเรียบจนลื่น 6. พื้นรองเท้าบริเวณส้นเท้าอาจเฉียงขึ้น เพื่อความรวดเร็วในการเคลื่อนไหวก้าวเท้าขณะวิ่ง 7. รองเท้าวิ่งควรมีส้นสูงเล็กน้อยประมาณ 2 เซนติเมตรทั้งนี้เพื่อแบ่งเบาการทำงานของเอ็นร้อยหวายและกล้ามเนื้อต้นขา 8. วัสดุที่ห่อหุ้มรองเท้าไม่ควรแข็ง เพราะจะเกิดการเสียดสี ทำให้ร้อนและผิวหนังพองได้ ไม่ว่าจะเป็นหนัง ผ้าใบ หรือไนล่อน ควรยืดหยุ่น นิ่ม และระบายความร้อนได้ดี 9. น้ำหนักรองเท้า ถ้าหนักก็มีความมั่นคงดี แต่วิ่งได้ช้า ดังนั้น การเลือกใส่ นอกจากความพอใจในน้ำหนักความพอดีแล้ว ถ้าแข่งขันใช้น้ำหนักเบา ก็จะทำให้วิ่งได้เร็วขึ้น เมื่อใส่วิ่งแล้วควรตรวจดูและซ่อมแซม การชำรุดสึกหรอเพื่อไม่ให้ผิดรูปไป ทำให้เสี่ยงต่อการบาดเจ็บได้ง่ายข้อห้ามในการเลือกซื้อรองเท้า
1. เลือกเพราะความสวย ควรให้ความสวยเป็นองค์ประกอบเพิ่มเติมจากความเหมาะสม เมื่อใส่แล้วรู้สึกเหมาะกับเท้าเรา จากนั้นค่อยดูเรื่องความสวยงามก็ได้ 2. เลือกรองเท้าที่เล็กเกินไป หลายๆคนมักเลือกรองเท้าที่คับเกินไป บางคนเผื่อว่ารองเท้าจะยืดทีหลัง บางคนเลือกรองเท้าตามกีฬาประเภทอื่นที่ตนเคยเล่น สุดท้ายรองเท้าคับเกินจนเจ็บเท้า หลักการง่ายๆคือ “ให้นิ้วเท้าเราเล่นเปียโนได้” หมายความว่ามีที่พอที่นิ้วเท้าเราสามารถขยับไปมาได้ประมาณครึ่งนิ้วจากปลายรองเท้า 3. ซื้อรองเท้าผิดเวลา ในช่วงเวลาหนึ่งวันเท้าเรามีขนาดไม่เท่ากัน ปกติแล้วในตอนเช้าเท้าเราจะเล็กกว่าตอนเย็น โดยเฉพาะตอนวิ่งเท้าเราก็จะขยายขึ้นไปอีก ดังนั้นถ้าเป็นไปได้พยายามซื้อรองเท้าตอนเย็น 4. คาดเดาขนาด Size รองเท้าตัวเองผิด เพราะลักษณะทรงของรองเท้าไม่เหมือนกัน ที่ใส่ไม่ได้อาจเป็นเพราะคนละยี่ห้อ คนละรุ่น ก็ไม่เหมือนกัน ดังนั้นจึงแนะนำให้ลองรองเท้าที่เรากำลังจะซื้อจะดีที่สุดสิ่งสำคัญที่ต้องดูก่อนซื้อรองเท้า
1. ส้นเท้า (Heel) เมื่อเราใส่รองเท้าวิ่ง ส้นเท้าควรจะพอดีกระชับกับส้นรองเท้าไม่ใช่คับเกินไป เวลาวิ่งอย่าลืมร้อยเชือกให้ถึงรูบนสุดเพื่อป้องกันไม่ให้รองเท้าเลื่อนไหล ควรเลี่ยงรองเท้าที่ใส่แล้วรู้สึกเจ็บ 2. หลังเท้า (Instep) รองเท้าวิ่งที่เหมาะกับเราควรจะกระชับ และห่อหุ้มบริเวณหลังเท้าของเราได้ดีครับ อย่าให้รู้สึกว่าหลังเท้าโดนบีบมากเกินไป 3. ความกว้าง (Width) รูปเท้าของแต่ละคนแตกต่างกัน รองเท้าที่เหมาะควรมีความกว้างที่เหมาะสม โดยนิ้วเท้าไม่ควรแตะขอบของพื้นรองเท้า (Insole) 4. ความยาว (Length) ให้เท้าขยับขยายได้ทั้งความกว้างและความยาวเนื่องจากเท้าเราจะบวมขึ้นเวลาเราวิ่ง ดังนั้นอย่าลืมเผื่อที่ว่างระหว่างนิ้วเท้าที่ยาวที่สุดกับบริเวณปลายรองเท้าด้วย 5. ความโค้งงอตามรูปเท้า (Flex) รองเท้าจะโค้งขณะวิ่งแล้วเกิดจุดหัก ซึ่งเราจะเห็นจุดหักนี้ได้โดยการถือบริเวณส้นรองเท้าแล้วกดปลายรองเท้ากับพื้นครับ เราเรียกจุดนี้ว่า Flex Point เราควรตรวจเช็คจุดหักนั้ว่าพอดีกับเท้าของเราไหมอัพเดท เทรนด์รองเท้าวิ่ง ปี 2018 แบรนด์ไหนมาแรง คุณภาพการวิ่งที่มาพร้อมกับดีไซน์สวยงาม
Categories:
บทความน่ารู้, บทความรีวิว, รวมบทความ